ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้าวันนี้ร่วงกว่า 17 จุดก่อนไหลต่ออย่างรวดเร็วไปเป็นกว่า 20 จุด จากนั้นรีบาวนด์พลิกกลับขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งการปรับตัวลงเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดิ่งลงหนักกว่า 1 พันจุดเมื่อคืนนี้ หลังจากตลาดกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงถึง 0.75% ในการประชุมรอบหน้า ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งแรง
เมื่อเวลา 9.58 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,626.08 จุด ลดลง 17.22 จุด (-1.05%)
จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 10.02 น.ดัชนีไหลลงไปที่ 1,617.94 จุด 25.36 จุด (-1.57%)
ล่าสุด 10.22 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,628.67 จุด ลดลง 14.63 จุด (-0.89%)
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้ร่วงลงไปลึกกว่า 20 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เป็นผลมาจากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสูง ทำให้นักลงทุนมองว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดที่ 0.5% อาจไม่เพียงพอ และเฟดส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.5% ในการประชุมอีก 2 ครั้งถัดไป สวนทางกับที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย.เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.09% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 ขานรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟด รวมถึงดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับ 31.20 จุด
โดยให้แนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,630-1,650 จุด แนะนักลงทุนชะลอการลงทุนไปก่อนเพื่อรอติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันที่ 11 พ.ค.ซึ่งจะเป็นยืนยันได้ว่าตลาดมีความกังวลมากเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงมาได้บ้าง