EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ขยายสินเชื่อและสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ได้มากขึ้น โดยมีวงเงินอนุมัติใหม่ 14,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.37% ทำให้เกิดผู้ส่งออกป้ายแดงและธุรกิจใหม่มากขึ้น เป็นวงเงินลูกค้า SMEs 4,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้มากถึง 11,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 361.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2565 เท่ากับ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมนำพาผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจได้มากขึ้นใน CLMV โดยมียอดคงค้างสินเชื่อโครงการลงทุนระหว่างประเทศใน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) รวมทั้งตลาดใหม่ (New Frontiers) 51,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,069 ล้านบาท หรือ 18.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในเวียดนามมียอดคงค้าง 13,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ภายหลังเริ่มเปิดดำเนินการสำนักงานผู้แทนในนครโฮจิมินห์เมื่อปีที่ผ่านมา
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนที่สูง ทั้งจากผลกระทบของโควิด-19 ที่ยังระบาดอย่างหนักในหลายประเทศ และปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ แต่ EXIM BANK ยังคงเดินหน้าตามพันธกิจหลักเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เป็นนักรบเศรษฐกิจที่รู้ทันโลกและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)” โดยในไตรมาส 1 ของปี 2565 EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 14,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 74.37% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นวงเงินของลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวน 4,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ มีการปล่อยวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ให้ลูกค้ารายใหม่ถึง 11,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 361.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความสำเร็จของธนาคารในการเข้าถึงธุรกิจรายใหม่ ทำให้มีสินเชื่อคงค้าง 150,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,209 ล้านบาท หรือ 12.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 38,030 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 112,591 ล้านบาท
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำ (Lead Bank) พากิจการไทยไปปักธงในตลาด CLMV และ New Frontiers โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 EXIM BANK มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 65,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 5,543 ล้านบาท หรือ 9.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ EXIM BANK ยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการสยายปีกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และตลาดใหม่ (New Frontiers) อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 51,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,069 ล้านบาท หรือ 18.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อคงค้างในเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศล่าสุดที่ธนาคารได้เปิดทำการสำนักงานผู้แทน จำนวน 13,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย EXIM BANK มีกำหนดจัดพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนในนครโฮจิมินห์อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้
ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นของเศรษฐกิจโลก EXIM BANK เร่งเสริมสร้างความมั่นใจแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยด้วยการเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ประกอบการมีโอกาสได้รับชำระเงินล่าช้าหรือถูกปฏิเสธการชำระค่าสินค้า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 53,164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 799 ล้านบาท หรือ 1.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกัน EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคง โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 4,307 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เพียง 2.86% แต่มีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 11,880 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 275.81% ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 EXIM BANK มีกำไรสุทธิเท่ากับ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และจากการมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและบริการประกัน ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้าอยู่ที่ 5,022 ราย เพิ่มขึ้นถึง 16.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs 82.78% ซึ่ง EXIM BANK ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจต่างๆ แม้แต่ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้น เช่น สินเชื่อ EXIM เพื่อซัปพลายเออร์ส่งออก และสินเชื่อ EXIM Logistics ที่ EXIM BANK ดำเนินการร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อลดภาระต้นทุนให้ผู้ส่งออกและนำเข้า นอกจากนี้ ได้เผยแพร่ข้อมูลและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการผ่านการให้คำปรึกษาและจัดอบรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 EXIM BANK ได้ช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงินแก่ผู้ประกอบการกว่า 14,200 ราย ด้วยวงเงินรวมประมาณ 76,700 ล้านบาท