ผู้ถือหุ้น "ซีเค พาวเวอร์" ไฟเขียวจ่ายปันผลหุ้นละ 0.080 บาท พร้อมอัดงบลงทุนปี 65 จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP แจ้งมติที่ประชุม มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.080 บาท จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 650.4 ล้านบาท โดยจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นร้อยละ 128.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.035 บาท
โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฏชื่อ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และบริษัทจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2564 ดังกล่าวในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 สำหรับการจ่ายปันผลในครั้งนี้ถือเป็นการจ่ายปันผลในจำนวนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ CKPower สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปี 2564 โดยมีรายได้รวม 9,334.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 2,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 438 คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.268 บาท มีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ 871.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 40 คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.107 บาท ขณะที่บริษัทมีสินทรัพย์รวม 68,977 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 32,847 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 36,130 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 0.65 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก ขณะที่อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 9.0
นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในปี 2565 CKP ได้ตั้งงบลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการอื่นๆ ซึ่งกำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดที่บริษัทลงทุนจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทที่ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 และเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 95% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัท
ทั้งนี้ CKP เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอยู่ในดัชนี SET 100 ตลอดจนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงอยู่ในดัชนี SETCLMV ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียนของไทยที่มีการทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่อันดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด