GULFจับมือรัฐวิสาหกิจจีน “CDTO” เซ็น MOU ขายไฟจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง(Pak Beng) กำลังผลิต912เมกะวัตต์ใน สปป.ลาว ให้ กฟผ. คาดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในต้นม.ค.2576 โดย GULFจะเข้าไปซื้อหุ้นในโครงการนี้ 49%
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทฯ และ China Datang Overseas Investment Co.,Ltd. (CDTO) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้า (Tariff MOU) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Bengกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เรื่องความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าใน สปป.ลาว และเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1)
นับเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการที่ 2 ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงนาม Tariff MOU ต่อจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ที่ได้แจ้งให้ทราบไปเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565
ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะดำเนินการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49 ใน Datang (Lao) Pakbeng Hydropower Co., Ltd. (“บริษัทร่วมทุน”) จาก CDTO เพื่อพัฒนาโครงการฯ ดังกล่าว โดยบริษัทฯ และ CDTO จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 49 และร้อยละ51 ตามลำดับ
โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เมืองปากแบง แขวงอุดมไซ สปป.ลาว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 912 เมกะวัตต์ และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(SCOD) ในวันที่1 มกราคม 2576 โดย กฟผ.จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ ในอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 2.7129 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งบริษัทร่วมทุนจะดำเนินการเจรจารายละเอียดเงื่อนไข และลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าร่วมกับ กฟผ. ในลำดับถัดไป
ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการฯ เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-the-River) ที่ไม่มีการกักเก็บน้ำในรูปแบบของเขื่อนประเภทอ่างเก็บน้ำ (Reservoir) และไม่มีการเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง แต่ใช้การไหลของน้ำตามธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า โดยที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเท่ากับปริมาณน้ำไหลออก ดังนั้น โครงการฯจึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำแม่น้ำโขง