คำว่า Narrative ในโลกของคริปโตฯ มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าธีมการลงทุนหรือนิยามที่นักลงทุนใช้มองคริปโตฯ นั้นๆ ว่ามีคุณสมบัติหรือสถานะอะไรเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน หากเราสามารถคาดการณ์ Narrative ที่นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังคิดในใจได้ก็จะสามารถวิเคราะห์การลงทุนในคริปโตฯ ได้
ในมุมมองของผม Narrative ของ Bitcoin ในรอบขาขึ้นใหม่ที่ดูเหมือนกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอาจจะมีธนาคารกลางหรือรัฐบาลเป็นแรงหนุนสำคัญหลังจากที่ Narrative ของขาขึ้นในรอบที่ผ่านมามีภาคเอกชนและนักลงทุนสถาบันเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
โดยภาคเอกชนเริ่มหันมาสนใจ Bitcoin หลังจากที่ผ่านวิกฤตโควิดเป็นต้นมาและราคาสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 2017 ได้ ทำให้ถูกมองว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยในการเอาชนะอัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นจากการที่ FED มีการอัดฉีดวงเงิน QE แบบไม่จำกัดในช่วงปี 2021
เราจึงได้เห็นนักลงทุนหน้าใหม่ใน Bitcoin อย่าง Microstrategy,Tesla,Square รวมถึงสถาบันการเงิน กองทุนเฮดจ์ฟันด์ รวมถึงประเทศเอลซัลวาดอร์ เข้ามาลงทุนใน Bitcoin ในช่วงที่ราคาอยู่แถวประมาณ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นฐานราคาสำคัญหลังการเข้าสู่ตลาดหมีในช่วงปลายปีที่แล้ว
จริงๆ แล้วรอบขาขึ้นที่ผ่านมาล่าสุด Bitcoin ควรจะไปได้ไกลกว่าระดับ 68,000 ดอลลาร์ แต่กลับมีปัจจัยสำคัญที่เกิดขึ้นคือ FED ตัดสินใจที่จะยุติการทำ QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เพื่อหยุดเงินเฟ้อไม่ให้สูงขึ้นไปกว่านี้ ทำให้นักลงทุนที่เคยมองว่า Bitcoin จะสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้จึงมีการเทขายออกมา
หลังจากที่ตลาดปรับฐานยาวนานกว่า 6 เดือน เราเริ่มเห็นแนวโน้มของราคาที่เริ่มนิ่งและอาจจะมองได้ว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังสะสมพลังในการเป็นขาขึ้นรอบใหม่ โดย Narrative ที่จะผลักดันคือการยอมรับ Bitcoin ของรัฐบาลบางประเทศโดยเฉพาะ การเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกเริ่มมองเห็น Use Case จริงของ Bitcoin
ถ้าจะคาดการณ์ Scenario ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีจากนี้กับ Bitcoin เราอาจจะได้เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันราคา Bitcoin
หนึ่ง..โมเดลของประเทศเอลซัลวาดอร์ประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศที่ไม่มีสกุลเงินเป็นของตัวเองที่มีอยู่นับสิบประเทศหันมายอมรับ Bitcoin ให้เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมายตาม
สอง..สหรัฐอเมริกากำลังเริ่มศึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง ตามคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และมีการออกกฎหมายกำกับดูแลตลาดออกมา ซึ่งหากไม่เข้มงวดจนเกินไป และสุดท้ายมีการอนุมัติกองทุน ETF ของ Bitcoin จะส่งผลดีต่อตลาดที่จะมีนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนมากขึ้น
สาม..เกิดประเทศที่มองโอกาสในการที่จะเป็นศูนย์กลางทางการเงินใหม่ หรือส่งเสริมทางด้านเทคโนโลยีหันมาออกกฎหมายสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อดึงผู้ลงทุนและผู้ประกอบการ อย่างเช่นที่ดูไบ และบาห์เรนได้ประกาศไปแล้ว จะทำให้เกิด Mass Adoption ในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น
สี่..ประเทศที่เคยต่อต้านคริปโตฯ อย่างจริงจังอย่างจีนหันมาเปลี่ยนความคิดในการเข้าหา Bitcoin อย่างที่รัสเซียเริ่มเปลี่ยนแนวคิดมายอมรับ Bitcoin จากการเกิดสงครามกับยูเครน สมมติฐานนี้อาจจะเกิดได้ยากที่สุดแต่จะมีผลกระทบเชิงบวกมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดขาขึ้นอย่างเต็มตัวของ Bitcoin ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะกว่าที่รัฐบาลทั่วโลกจะหันมาสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลตามสมมติฐานดังกล่าว ตลาดจะเกิดความผันผวนจากการที่มีทั้งฝั่งสนับสนุนและคัดค้านออกมาคานซึ่งกันและกัน โดยเป็นไปได้ว่าตลาด ขาขึ้นอย่างเต็มตัวน่าจะเกิดขึ้นในปี 2023 ซึ่งจะสอดคล้องกับการเกิด Halving รอบที่ 4 ของ Bitcoin ที่จะเกิดขึ้นในปี 2024
ขณะที่กราฟเทคนิคในภาพใหญ่ Bitcoin มีโอกาสที่จะจบรอบพักฐานใน Wave ที่ 4 และรอที่จะขึ้นขาขึ้นใน Wave ที่ 5 ซึ่งจะต้องสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 68,000 ดอลลาร์ขึ้นไป
สรุปคือปีนี้จะเป็นปีที่ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีการแกว่งตัวในกรอบโดย Narrative หลักคือนโยบายของรัฐบาลต่างๆ ที่มีต่อ Bitcoin โดยสุดท้ายแล้วหากรัฐบาลต่างๆ ยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล จะทำให้เกิดขาขึ้นรอบใหญ่ของ Bitcoin ได้ในที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลทั่วโลกหันมาควบคุม Bitcoin ตลาดอาจจะไปได้ไม่ไกลอย่างที่คิดเช่นกัน
บทความโดย : นเรศ เหล่าพรรณราย ซีอีโอ Ricco Wealth, เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย