บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi มองว่า วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน มี.ค. ที่ 4.3 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 4.9 แสนตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานออกมา 3.6% ดีกว่าคาดที่ 3.7% ด้านตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 0.4% ส่วนหนึ่งเป็นไปได้ที่ตลาดคลายกังวลบางส่วนกับเงินเฟ้อ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ร้อนแรง สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ปรับตัวลงทั้ง 2 อายุ และเป็นที่น่าสังเกตว่าเข้า Inverted Yield Curve อีกครั้ง (2-10 Spread ติดลบ) ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อเกิดสภาวะดังกล่าวมักตามมาด้วยเศรษฐกิจถดถอยหลังจากเกิด Inverted Yield Curve เป็นระยะเวลา 6-18 เดือน โดยเราศึกษาเพิ่มเติมพบว่าอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1975 เกิดภาวะดังกล่าวมาแล้ว 7 ครั้ง และสูงถึง 6 ครั้งที่เกิดเศรษฐกิจถดถอย หรือคิดเป็นความน่าจะเป็น (85%) ดังนั้นไม่ควรประมาทกับการลงทุนจนเกินไปนัก
ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่ (1) การรายงานภาวะเงินเฟ้อไทยในวันที่ 5 เมษายน Bloomberg คาดการณ์ขยายตัว 5.6%YoY และ 0.6%MoM หากออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดหมายไว้มองไม่มีผลกระทบมากนัก และเชื่อว่าทิศทางหลังจากนี้ควรจะดีขึ้นตามราคาน้ำมันดิบเข้าสู่ช่วงปรับฐาน ขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวสหรัฐฯ จะมีกำหนดรายงาน PMI ตลาดคาดที่ 58.6 (2) FOMC Minute ในวันที่ 7 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เพราะหากรายงานผลการประชุมที่ส่งสัญญาณถึงความเข้มงวดนโยบายการเงินที่มากกว่าเดิมจะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุน โดยประเมิน SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,690-1,715 (วันพุธปิดทำการ)
เชิงกลยุทธ์การลงทุน เน้นเพิ่มการถือครองเงินสดหรือลดน้ำหนักการลงทุนเนื่องจากระดับ Valuation ที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงสำหรับภาวะ Inverted Yield Curve ที่จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในช่วงถัดไป ส่วนหุ้นประจำสัปดาห์นี้แนะกลุ่มอุปโภคบริโภคที่ส่งผ่านต้นทุน เช่น ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO GLOBAL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ปัจจัยบวกจากการเดินทางเข้าประเทศที่ง่ายมากขึ้น
HMPRO (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 17 บาท) คาด SSSG +5% ในปี 2022 และ +4% ในปี 2023 หนุนจากผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น Homepro Day, Homepro Super Expo กิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ การปรับปรุงร้านค้าใหม่และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
SPA (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 8.3 บาท) แม้ทั้งปี 2022 ผลประกอบการจะยังขาดทุน แต่เชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนไปพอสมควรแล้ว และคาดหวังว่าครึ่งปีหลัง 2022 จะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของการท่องเที่ยว หนุนจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยคาดปี 2023 จะเริ่มกลับมามีกำไร