พีดีเฮ้าส์ โชว์ผลงาน Q1/65 โกยยอดขายทะลุ 300 ล้านบาท โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ชี้บ้านกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ตลาดขยายตัวต่อเนื่อง หลังทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ หวั่นวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาเศรษฐกิจฉุดรับสร้างบ้าน Q2 ชะงักกำลังซื้อชะลอตัว ด้านผู้ประกอบในตลาดเรดโอเชียนอย่างกรุงเทพฯ ปริมณฑลเน้นแข่งขันราคา ลด แลก แจก แถม เร่งปรับกลยุทธ์ เดินหน้ารุกตลาดบลูโอเชียนในพื้นที่ต่างจังหวัดแบบไร้คู่แข่ง ลุยเปิดสาขาเมืองรองชูจุดแข็ง บ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ มั่นใจสิ้นปีโกยยอดขายทุกสาขาทะลุพันล้าน
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านต้นปี 65 แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้านโดยเฉพาะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อและราคาวัสดุที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของพีดีเฮ้าส์กลับเติบโตสวนทางเศรษฐกิจ โดยมียอดขายกว่า 300 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากยอดจองสร้างบ้านในกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท ในสัดส่วน 50% ขณะที่ยอดจองสร้างบ้านในกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 40% ส่วนกลุ่มบ้านระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจในพื้นที่ แพทย์ รวมไปถึงชาวต่างชาติและคนไทยในต่างประเทศ ที่ต้องการกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทย เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบโดยละเอียด และต้องการหาบริษัทมืออาชีพที่น่าเชื่อถือเพราะลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยและมีกำลังซื้อสูง
อย่างไรก็ตาม ยังเป็นที่กังวลว่าในไตรมาส 2 หากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นและวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อทำต้นทุนราคาวัสดุปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้มอาจมีการปรับราคาบ้าน และคาดว่าตลาดรับสร้างบ้านจะชะลอตัวลง ซึ่งผู้ประกอบการคงต้องเร่งปรับตัวหรือหาช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภค เพื่อปลุกกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีแรกนี้
“จากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกที่เติบโตได้เกินคาด โดยเชื่อว่าเป็นผลมาจากจุดแข็ง 3 ประการของพีดีเฮ้าส์ที่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้การยอมรับในเรื่องการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ พีดีเฮ้าส์ยังให้ความสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบโดยเน้นการสื่อสารที่แนะนำผู้บริโภคให้ศึกษาหรือเปรียบเทียบข้อมูลการสร้างบ้านก่อนตัดสินใจ เช่น บริการก่อนและหลังการขาย คุณภาพวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่แท้จริง ผลงานและประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้บริการ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจจากข้อมูลที่เป็นจริง มากกว่าการเน้นการแข่งขันราคา หรือใช้การลดราคามาเป็นตัวกระตุ้นความสนใจเป็นสำคัญ” นายพิศาล กล่าว
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้พีดีเฮ้าส์มียอดขายเกินความคาดหมายคือ การเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัด ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาเราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง จากการที่มีสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่นั้นๆ และพบว่ายังมีความต้องการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ จะขยายการให้บริการเพื่อครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นแบบไร้คู่แข่งเมื่อเทียบกับจุดแข็งเดียวกัน โดยล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่จังหวัดอุดรธานี
สำหรับปี 65 ธุรกิจรับสร้างบ้านแม้จะต้องเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน จากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย วิกฤตสงครามรัสเซียกับยูเครน และปัญหาราคาวัสดุ แต่ พีดีเฮ้าส์ยังมั่นใจว่าด้วยจุดแข็งเรื่องบ้านประหยัดพลังงาน บ้านสุขภาพ และบ้านผู้สูงอายุ รวมถึงแผนการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบจะสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้านได้เพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะมียอดขายรวมกันทุกสาขาทะลุ 1,000 ล้านบาท