มือใหม่ทะลักเข้าตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแถลงตัวเลขที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับจำนวนนักลงทุนหน้าใหม่ที่แห่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น โดยเฉพาะในปี 2564 ที่เปิดบัญชีเพิ่ม 9.46 แสนราย และมีแนวโน้มว่า จำนวนนักลงทุนหน้าใหม่จะหลั่งไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงปี 2563 และ 2564 จำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้น 2.8 เท่าตัว โดยสิ้นปี 2564 มีจำนวนนักลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 5.2 ล้านบัญชี จำนวนนักลงทุนทั้งสิ้น 3.1 ล้านราย ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ทั้งจำนวนการเปิดบัญชีและจำนวนนักลงทุน

สาเหตุที่ประชาชนแห่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปีเหลือเพียง 0.5% ขณะที่เงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะพุ่งขึ้น 3% คนที่มีเงินออมจึงต้องดิ้นรนหาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ

และตลาดหุ้นเป็นอีกหนึ่งในทางเลือก จึงมีการเคลื่อนย้ายเงินฝากเข้ามาที่ตลาดหุ้น

นอกจากนั้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด และมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้คนต้องถูกจำกัดตัวอยู่ที่บ้านหรือทำงานที่บ้าน จึงเกิดความเบื่อหน่าย และหาทางออกด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น

ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นกระตุ้นให้เกิดความสนใจลงทุนมากขึ้น โดยปี 2564 ดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 208 จุด จากระดับ 1,449 เมื่อสิ้นปี 2563 ขยับขึ้นมาที่ 1,657 เมื่อสิ้นปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 14.37% และมีหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 100% ถึง 152 บริษัท โดย 4 บริษัทปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1,000%

นักลงทุนหน้าใหม่ตบเท้าเข้าตลาดหุ้นพร้อมเงินก้อนใหม่ และมีส่วนช่วยพยุงไม่ให้หุ้นเกิดความผันผวนรุนแรง เพราะเมื่อหุ้นตกจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาซื้อ หุ้นจึงไม่ปรับตัวรุนแรง แต่แกว่งตัวขึ้น แม้จะเผชิญผลกระทบจากวิกฤต “โควิด” ก็ตาม

นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดหุ้นปี 2564 ประมาณ 60% เป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ หรือคนหนุ่มคนสาว และเป็นกลุ่มที่มีการซื้อขายต่อเนื่อง บัญชีมีการเคลื่อนไหวซื้อขายต่อเนื่องประมาณ 50% ขณะที่อัตราเฉลี่ยของบัญชีนักลงทุนทั้งหมดมีการเคลื่อนไหวซื้อขายต่อเนื่องเพียงประมาณ 30% เท่านั้น

สะท้อนถึงความถี่ในการลงทุนของนักลงทุนรุ่นหนุ่มสาว

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนนักลงทุนจะเติบโตก้าวกระโดดช่วง 2 ปีทีผ่านมา แต่ถ้าเทียบกับประชากรประมาณ 70 ล้านคน สัดส่วนนักลงทุนยังมีไม่ถึง 5% ของประชากร ซึ่งถือว่า น้อยมาก และอาจเป็นเพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุน หรืออาจมีทัศนคติในด้านลบเกี่ยวกับตลาดหุ้น

การไหลบ่าของนักลงทุนหน้าใหม่อาจสร้างความภาคภูมิใจให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะสามารถกระตุ้นให้ประชาชนสนใจตลาดหุ้นมากขึ้น

แต่ตลาดหลักทรัพย์จะต้องตระหนักในการทำหน้าที่ดูแลปกป้องนักลงทุนหน้าใหม่ โดยเร่งให้ความรู้ความเข้าใจการลงทุนที่ถูกต้อง และกำกับการซื้อขายให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม

ทุกคนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องได้รับโอกาสโดยเท่าเทียม ไม่ถูกกลุ่มหรือแก๊งมิจฉาชีพเอารัดเอาเปรียบ ไม่ถูกใครโกงจนได้รับความเสียหายหมดเนื้อหมดตัวกลับออกจากตลาดหุ้น

ปรากฏการณ์นักลงทุนหน้าใหม่ไหลบ่าเข้าตลาดหุ้นยังดำเนินต่อไป เพียงแต่ตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะคุ้มครองดูแลนักลงทุนหน้าใหม่ได้เพียงใดเท่านั้น

เพราะนักลงทุนหน้าใหม่จำนวนนับล้านคน ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักการลงทุนหุ้นดีพอ

และตลาดหุ้นก็เป็นศูนย์รวมของแก๊งมิจฉาชีพสารพัดโกงทุกรูปแบบเสียด้วย