กูรูคริปโตฯ ชี้เฟดเตรียมปรับมาตรการเข้มสกัดคริปโตฯ เผยหากส่งสัญญาณปรับราคาขึ้น ก็พร้อมกดปุ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยสกัดทันที
จากการเปิดเผยของสำนักข่าว bloomberg ระบุถึงบทสัมภาษณ์ของ นายไมเคิล โนโวแกรทซ์ มหาเศรษฐีนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทกาแลกซี ดิจิทัล โฮลดิ้งส์ (Galaxy Digital Holdings) โดยเขาระบุว่า แนวโน้มที่ราคาบิตคอยน์จะปรับตัวทะยานขึ้นในกรอบแคบๆ อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด จากผลการแถลงมติการประชุมของคณะกรรมการเฟดจะตามเวลาสหรัฐฯ ในวันนี้ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ซึ่งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
"ผมไม่คิดว่าการซื้อขายบิตคอยน์ในห้วงเวลานี้จะเป็นไปอย่างคึกคัก" นายโนโวแกรทซ์ กล่าว โดยเขาคาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 30,000-50,000 ดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาซื้อขายบิตคอยน์ในตลาดนิวยอร์ก ณ วันอังคารที่ 15 มี.ค.ที่ระดับ 39,200 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การที่บิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในตลาด ณ ปัจจุบันนี้นั้น พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว เช่นเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ โดยปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนหลักเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เฟดตัดสินใจเสริมสภาพคล่องในตลาดด้วยการคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่ขณะนี้ เฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน จึงทำให้นักลงทุนต้องหันมาประเมินความเสี่ยงอีกครั้ง รวมทั้งพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
"แม้ว่าบิตคอยน์จะเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูง แต่การถือครองและการยอมรับโดยทั่วไปยังอยู่ในวงจำกัดของชุมชนคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าบิตคอยน์จะมีมานานร่วม 10 ปีแล้ว แต่ยังมีปัญหาในด้านเสถียรภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย และยังผันผวนรุนแรงอีกด้วย" นายโนโวแกรทซ์ กล่าวเปรียบเปรย
ทั้งนี้จากการที่มีภาวะการสู้รบระหว่างยูเครนและรัสเซีย อาจทำให้ตลาดต้องเผชิญกับความผันผวน จึงมีโอกาสเป็นศูนย์ที่รัฐบาลรัสเซียจะสามารถใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ มองเห็นในช่องโหว่ตรงนี้ จึงพยายามทุกวิถีทางในการสกัดกั้นและควบคุมบิตคอยน์ เพื่อตัดการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจของรัสเซียในทุกช่องทาง