ชี้ทั้งภาครัฐ และประชาชนทั่วโลกมีแนวโน้มตระหนักว่า ความสามารถในการควบคุมเงินของตัวเองเป็นสิ่งที่ “น่าสนใจอย่างยิ่ง” และชาติต่างๆ อาจเริ่มเก็บบิตคอยน์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ หลังจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียแบบกัดไม่ปล่อยของตะวันตกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่จัดเก็บในรูปสกุลเงินเฟียต และควบคุมโดยประเทศอื่นนั้น ไม่ปลอดภัยอย่างที่เคยคิดกันอีกต่อไป
แดน มอร์เฮด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) และประธานร่วมเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของแพนเทอรา แคปิตอล ระบุในจดหมายข่าวล่าสุดว่า เร็วๆ นี้ ประเทศต่างๆ อาจเริ่มเปลี่ยนไปสำรองบิตคอยน์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากความสามารถในการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของตัวเองจะได้รับความสนใจมากขึ้นสำหรับนานาประเทศ และผู้คนมากมาย
เขายังบอกอีกว่า บิตคอยน์ (บีทีซี) ดึงดูดความสนใจคนธรรมดาทั่วไป เพราะคนเหล่านั้นต้องการปกป้องตัวเองจากผลกระทบทางการเงินจากการตัดสินใจของรัฐบาล/ผู้นำเผด็จการ
ขณะเดียวกัน สำหรับภาครัฐนั้น มอร์เฮด แจงว่า มาตรการแซงก์ชันที่นำโดยตะวันตกต่อรัสเซียในขณะนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่จัดเก็บในรูปสกุลเงินเฟียตและควบคุมโดยประเทศอื่นนั้น ไม่ปลอดภัยอย่างที่เคยคิดกันอีกต่อไป
ความคิดนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแบงก์ชาติรัสเซียถูกตัดขาดจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของตนเองส่วนใหญ่จากทั้งหมด 630,000 ล้านดอลลาร์ที่มีอยู่ก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะลั่นกลองรบส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียทรุดฮวบ และบีบให้ธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียวเป็น 20% ซึ่งมอร์เฮด มองว่าอาจทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยล่ม
นอกจากนี้ บริษัทชั้นนำของรัสเซียที่ค้าขายในต่างแดนยังทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองราคาหุ้นของตัวเองดิ่งฮวบ ขณะที่ตลาดหุ้นในประเทศยังคงปิดทำการ
มอร์เฮด เสริมว่า สถานะทางการเงินของคนรัสเซียจะพังทลายลงทุกวันอันเป็นผลจากการตัดสินใจของผู้นำ
คริปโตนิวส์รายงานว่า ความคิดเห็นของมอร์เฮด มีขึ้นหลังจากที่อเมริกาและประเทศอื่นๆ ประกาศอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียที่อยู่ในประเทศของตนเพื่อตัดเส้นทางการเงินที่สนับสนุนการทำสงครามในยูเครน
นอกจากนั้น ยังมีข่าวออกมาเมื่อวันอังคาร (8) ว่า วุฒิสมาชิกอเมริกันกลุ่มหนึ่งเตรียมเปิดเผยร่างกฎหมายป้องกันไม่ให้รัสเซียขายทองคำในทุนสำรอง
แอกซิโอสรายงานเมื่อวันอังคารว่า กฎหมายดังกล่าวที่เรียกว่า “การแซงก์ชันขั้นทุติยภูมิ” จะบังคับใช้กับนิติบุคคลของอเมริกาที่ซื้อขายกับหรือขนส่งทองคำจากแบงก์ชาติรัสเซีย ตลอดจนถึงนิติบุคคลที่อำนวยความสะดวกในการขายทองคำทั้งในโลกจริงและระบบอิเล็กทรอนิกส์
เป้าหมายคือผลักดันให้กฎหมายนี้บรรจุอยู่ในกฎหมายการใช้จ่ายขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะผ่านความเห็นชอบของสภาในวันศุกร์ (11)
ทั้งนี้ จากข้อมูลของเวิลด์ โกลด์ เคาน์ซิล หรือสภาทองคำโลกนั้น ธนาคารกลางรัสเซียมีทองคำในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอย่างเป็นทางการมากที่สุดอันดับ 5 ของโลก รองจากอเมริกา เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส โดยรวมแล้วแบงก์ชาติแดนหมีขาวถือครองทองคำ 2,301 ตัน