วิกฤตตลาดหุ้นรอบนี้นักลงทุนรายย่อย กลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ โดยเฉพาะวันที่หุ้นตกแรงๆ นักลงทุนรายย่อยแห่กันเข้ามาช้อนหุ้นกันอุตลุด จนโบรกเกอร์บางแห่ง เริ่มส่งเสียงเตือนรายย่อยออกมาแล้ว
เพราะสถานการณ์สงครามยูเครนยังไม่มีความแน่นอน ตลาดหุ้นจึงมีความเปราะบาง และพร้อมจะเกิดความผันผวนได้ตลอดเวลา
นับจากต้นปี แม้นักลงทุนรายย่อยจะทยอยขายหุ้นทำกำไรเป็นช่วงๆ แต่ยอดขายหุ้นสะสมมีจำนวนน้อยมากคือประมาณ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยผู้ขายรายใหญ่คือกองทุนรวมในประเทศ
สาเหตุที่นักลงทุนรายย่อยขายหุ้นทำกำไรออกมาน้อยมากอาจเป็นเพราะมองแนวโน้มหุ้นปีนี้ในแง่ดีมาก ขณะที่มีเงินเย็นอยู่เต็มมือ และวางกลยุทธ์ที่จะเก็บหุ้นตุนไว้ในพอร์ตมากกว่าขายทำกำไร
ในช่วงที่หุ้นปรับตัวลงนักลงทุนรายย่อยจึงถือเป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้น ยิ่งตกแรงยิ่งซื้อหนัก โดยไม่หวั่นไหวในข่าวร้าย ปัจจัยลบที่พุ่งเข้ากระทบตลาดหุ้น
แรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยเป็นไปได้ว่า ส่วนใหญ่เกิดจากนักลงทุนมือใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยผ่านวิกฤตครั้งสำคัญในตลาดหุ้น ไม่เคยสัมผัสกับความเสียหายจากช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรงและยืดเยื้อ
นักลงทุนรุ่นเก่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตตลาดหุ้นมานับครั้งไม่ถ้วน เจ็บตัวเสียจนเข็ด ส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายในช่วงสงครามยูเครน และไม่กล้าช้อนซื้อหุ้นจนกว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจน
แต่นักลงทุนมือใหม่ไม่กลัวเพราะมองว่า ตลาดจะปรับตัวเพียงระยะสั้น ไม่กี่วันจะฟื้นตัวขึ้นใหม่ ราคาหุ้นที่ลงจึงเป็นโอกาสในการช้อนซื้อของถูก แม้สถานการณ์ยูเครนอาจส่งผลกระทบลุกลามบานปลายจนดัชนีหุ้นดิ่งเหวก็ตาม
ตลาดหุ้นเคยเผชิญผลกระทบจากสถานการณ์สงครามมาแล้ว หลังจากที่อิรัก ส่งทหารบุกยึดประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2533 หรือเมื่อ 32 ปีก่อน
สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งนั้นทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปที่ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หุ้นตกระเนระนาดทั้งโลก
ตลาดหุ้นไทยที่กำลังเป็นขาขึ้นเต็มตัว โดยดัชนีหุ้นสร้างสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับประมาณ 1,174 จุด แต่เมื่ออิรักบุกยึดคูเวต ตลาดหุ้นทรุดฮวบโดยทันที
นักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่าสงครามอ่าวเปอร์เซียจะไม่ยึดเยื้อ และหุ้นจะปรับฐานพียงระยะสั้นจึงเข้าไปช้อนซื้อหุ้น สวนวิกฤตที่เกิดขึ้นจนเกิดความเสียหายอย่างหนัก เพราะยิ่งซื้อ หุ้นยิ่งลง
ตลาดหุ้นช่วงสงครามอ่าวปรับฐานลงอย่างยืดเยื้อยาวนานหลายเดือน ดัชนีหุ้นลงไปต่ำสุดที่ระดับประมาณ 542 จุด หรือปรับตัวลงกว่า 50% จากจุดสูงสุด ก่อนจะเริ่มกระเตื้องขึ้นใหม่ เมื่อสหรัฐฯ บุกอิรักและปลอดปล่อยคูเวต เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2534
ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสงครามในยูเครนจะยืดเยื้อ และส่งผลกระทบลุกลามบานปลายขนาดไหน แต่ทันทีที่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน นักลงทุนรุ่นเก่า และเคยผ่านวิกฤตส่งครามอ่าวเปอร์เซียมาแล้วเริ่มชะลอการลงทุนทันที
เพราะไม่พร้อมจะเสี่ยงต่อสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน และต้องการรอดูความชัดเจนของเหตุการณ์มากกว่า
แต่นักลงทุนมือใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเจน Y หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่อาจไม่สะทกสะท้านต่อผลกระทบจากสงครามยูเครนแต่อย่างใด และตะลุยซื้อหุ้นจนโบรกเกอร์บางสำนักแสดงความเป็นห่วง และส่งสัญญาณเตือนภัยมือใหม่
ทุกคนเป็นห่วงเป็นใยนักลงทุนมือใหม่ เพราะกลัวจะกลายเป็นหมูวิ่งชนปังตอ เจ็บตัวหนักจากวิกฤตยูเครน
แต่ถ้าสงครามยุติเร็ว หุ้นฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ รอบนี้ นักลงทุนมือใหม่จะเป็นกลุ่มที่รวยที่สุด เพราะเก็บตุนหุ้นต้นทุนต่ำไว้เยอะ
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตยูเครนจะจบเมื่อไหร่ และจบสวยหรือไม่เท่านั้น