บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศแก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 (Basel III-compliant Tier 2 subordinated notes) สกุลเงินบาทของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ‘AAA(tha)’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่ ‘AA(tha)’ หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวจะมีอายุ 10 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้ และให้สิทธิธนาคารสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวก่อนวันครบกำหนดได้หลังจาก 5 ปีนับจากวันออกหุ้นกู้ วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคือเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร เพื่อบริหารสภาพคล่องและเพื่อใช้ในการดำเนินงานทั่วไป
โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอยู่ 2 อันดับ ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์พื้นฐานตามเกณฑ์การพิจารณาอันดับเครดิตของฟิทช์ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ที่มากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ที่ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ทั้งนี้ ไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเพิ่มเติมสำหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk) เนื่องจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ เช่น การยกเลิกหรือการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย
ส่วนอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB มีปัจจัยสนับสนุนมาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (GSR) ที่ 'bbb+' และสะท้อนถึงโครงสร้างเครดิตที่แข็งแรงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการเงินอื่นๆที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ ฟิทช์ใช้อันดับเครดิตภายในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นอันดับเครดิตอ้างอิง (anchor rating) เพื่อสะท้อนถึงความคาดหวังว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนก่อน (pre-emptive support) ที่ธนาคารจะถึงจุดที่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาของฟิทช์สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ที่ออกโดย KTB ในอดีต
ฟิทช์มองว่า KTB เป็นธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดของเงินฝากที่ 16% และถูกกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 6 ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศไทย (D-SIB) นอกจากนี้ ฟิทช์ยังเชื่อว่า KTB เป็นธนาคารที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์กับรัฐบาล ในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์รายเดียวที่ภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ โดยถือผ่านหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 55% ซึ่งฟิทช์มองว่าการถือหุ้นเป็นในลักษณะเชิงกลยุทธ์และระยะยาว