"มีนาทรานสปอร์ต" เปิดกลยุทธ์ปี 65 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 5-10% รับอุตสาหกรรมก่อสร้างเร่งเดินหน้าโปรเจกต์ใหม่ เศรษฐกิจเดินหน้า หนุนมิกเซอร์เตรียมกลับมาวิ่งคึกคักทั่วเมือง ขณะที่ขยายฐานลูกค้าใหม่กลุ่มสินค้าเฉพาะทาง งานกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค แย้ม Q1/65 เริ่มกดปุ่มสตาร์ทรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิเสริมโอกาสโตปีนี้
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมปี 2565 แนวโน้มธุรกิจขนส่งสัญญาณที่ดี จากงานโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่เริ่มมีการเดินหน้าตามแผน งานก่อสร้างที่ได้อั้นจากปีที่ผ่านมา เริ่มทยอยกางโปรเจกต์ลงทุน รับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศฟื้น ส่งผลให้รถคอนกรีตผสมเสร็จมีความต้องการเพิ่มขึ้น และมีอัตราการใช้รถอย่างมีประสิทธิภาพ (Utilization) อีกทั้งบริษัทฯ ได้กระจายความเสี่ยง โดยศึกษาและมองหาโอกาสจากธุรกิจขนส่งสินค้าเฉพาะทางผ่านการจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ เพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และคาดจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้
โดยปัจจุบัน MENA มีรถขนส่งที่มีจำนวนถึง 649 คัน แบ่งเป็นรถมิกเซอร์ 464 คัน รถเทรลเลอร์ 72 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ กว่า 105 หาง และรถบรรทุก 4-10 ล้อ 8 คัน สะท้อนความพร้อมในการเดินหน้าขยายตลาดในปี 2565 โดยปีนี้ บริษัทฯ วางแผนเข้าไปลงทุนขยาย Fleet รถเพิ่มเติมรวมกว่า 80 คัน ซึ่งเป็นรถมิกเซอร์ 6 คัน รถควบคุมอุณหภูมิ จำนวน 14 คัน รถขนส่งสินค้าเฉพาะทาง จำนวน 11 คัน รถบรรทุกสำหรับงานกระจายสินค้า 43 คัน และหางพ่วง 2 คัน ซึ่งจะทยอยเริ่มให้บริการขนส่งในไตรมาส 1/2565 นอกจากโปรเจกต์ข้างต้นที่ได้ตกลงกับลูกค้าแล้ว MENA ยังคงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อนำเสนอบริการขนส่งที่มีมาตรฐานให้แก่ลูกค้า ด้วยประสบการณ์ในการบริหารกองยานกว่า 29 ปี MENA พร้อมสนับสนุนงานบริการขนส่งเพื่อเติบโตเคียงคู่ไปด้วยกันกับลูกค้า
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การบริหารงานอย่างเข้มข้น เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการล็อกดาวน์ปิดไซต์งานก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้น เนื่องจาก MENA มีรายได้หลักมาจากรถมิกเซอร์ที่ใช้ในการขนส่งปูซีเมนต์สำเร็จรูป จึงทำให้เที่ยวรถขนส่งลดลง อย่างไรก็ดี ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว และเริ่มเปิดประเทศ ทิศทางธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ ประกอบกับการบริหารงาน และควบคุมต้นทุนรับทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้าง และงานโครงสร้างพื้นฐานฟื้นตัว สนับสนุนงานขนส่งสินค้าและคอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้น และมีผลดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 สามารถเติบโตจากปีก่อนหน้า
โดยไตรมาส 4/2564 มีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จบริการขนส่ง และการขายคอนกรีต ขี้เถ้าลอย จำนวน 149.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า จำนวน 6.3 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4.4% เนื่องจากอัตราค่าบริการที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของงานขนส่งระยะไกลที่มีอัตราค่าขนส่งสูงขึ้นในส่วนของรถเทลเลอร์ ด้านกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 28.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.4 ล้านบาท คิดเป็น 13.4% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นครอบคลุมต้นทุนคงที่ได้มากขึ้น สนับสุนให้มีกำไรสุทธิ จำนวน 12.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2.8 ล้านบาท คิดเป็น 28.7%
ด้านผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 561.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.2 และกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน
“MENA มั่นใจในการเติบโตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีการเร่งลงทุนจากภาครัฐและเอกชน โดยลูกค้าหลักของบริษัท คือ กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ จึงมั่นใจได้ว่า เมื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมาเร่งงานก่อสร้าง MENA จะสามารถเติบโตในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ดี ผลประกอบการปี 2564 ที่ประกาศออกมา บริษัทฯ มองว่าผ่านช่วงต่ำสุดของธุรกิจมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้การแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิดสายพันธุ์ใหม่ แต่มองว่าประชาชนเริ่มปรับตัว และได้รับการฉีดวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น ขณะที่ ความต้องการรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเติบโตสูงมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ธุรกิจที่มีการขยายโปรเจกต์ใหม่ๆ MENA จึงเข้ามาลงทุนรถขนส่งเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10%” นางสุวรรณา กล่าว