"โกลบอล คอนซูเมอร์" ปักธงรายได้เติบโตทะลุ 3,000 ล้านบาท หลังบอร์ดไฟเขียวปรับโครงสร้างเคลียร์คัทธุรกิจขาดทุน “A&W-Kitchen Plus” เดินเกมรุกขยายธุรกิจภายใต้จุดแข็ง “ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตอาหาร” เร่งเพิ่มกำลังการผลิต ขยายตลาด กลุ่มอาหารแปรรูปแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน ผลไม้อบแห้ง พร้อมมองหาพันธมิตรรายใหม่ร่วม R&D สยายปีกต่อจิ๊กซอว์การเติบโตสู่ Sustainable Food
นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON ผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์ เปิดเผยแนวโน้มภาพรวมปี 2565 ว่า จะเป็นปีแห่งการเติบโตที่โดดเด่นของบริษัทฯ ปักธงรายได้เติบโตทะลุ 3,000 ล้านบาท หลังจากล่าสุดคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างเคลียร์คัต (Clear cut) ธุรกิจที่สร้างผลขาดทุน ด้วยการยุติการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร A&W ซึ่งมีผลประกอบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และปิดร้านอาหาร Kitchen Plus ที่บริษัทบริหารจัดการเอง (ปัจจุบันเหลือ 2 สาขา) ทำให้บริษัทฯ ต้องดำเนินการตั้งสำรองทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้นราว 160 ล้านบาท ในปี 2564
ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯขาดทุนราว 167 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลขาดทุนทางบัญชีเพียงครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมผลขาดทุนที่เกิดจากผลประกอบการของ A&W บริษัฯ จะมีกำไรจาก Business Unit อื่นๆ รวมกว่า 60 ล้านบาท โดยรายได้รวมเติบโตกว่า 23% แตะ 1,862 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขาย โดยเฉพาะอาหารแปรรูปที่เติบโตกว่า 40% แตะ 642 ล้านบาท ผลไม้อบแห้ง เติบโต 32% อยู่ที่ 465 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโต 14% อยู่ที่ 651 ล้านบาท
“การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจร้านอาหาร บริษัทฯ ไม่สามารถแบกรับผลขาดทุนต่อไปได้ จึงยุติการดำเนินกิจการร้านอาหาร A&W และปิดร้าน Kitchen Plus โดยจะหันมาโฟกัสขยายธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นไปที่การผลิตในอุตสาหกรรมอาหารที่มีความชำนาญ อีกทั้งยังสามารต่อยอดสนับสนุน และสามารถบริหารทรัพยากรที่มีร่วมกันภายในกลุ่มบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งน่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น” นายนพพร กล่าว
นายนพพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ จะโฟกัสขยายธุรกิจด้วยการมุ่งไปที่การผลิตในอุตสาหกรรมอาหารที่มีความเชี่ยวชาญ เดินเกมรุกเพิ่มกำลังการผลิต ควบคู่ไปกับการเร่งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศในทุก Business Unit ทั้งกลุ่มอาหารแปรรูปแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน และผลไม้อบแห้ง พร้อมมองหาพันธมิตรรายใหม่เพื่อร่วมศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ
โดยเฉพาะอาหารจากโปรตีนพืช (Plant Based Food) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้ผลิตภัณฑ์ รองรับกระแสคนรักสุขภาพ (Healthy) ซึ่งเป็นตลาดที่มีมาร์จิ้นสูง และมีแนวโน้มอัตราการเติบโตโดดเด่นและยั่งยืน ต่อยอดการเติบโตสู่ Sustainable Food ตอกย้ำวิสัยทัศน์การก้าวสู่ความเป็น “ผู้นำอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาหารระดับโลก” อีกทั้งจะมีการรับรู้รายได้จาก “ลูกชิ้นทิพย์” นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 กว่า 540 ล้านบาท เบื้องต้นว่า มั่นใจจากแผนงานทั้งหมดข้างต้น บริษัทฯ จะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ภายในปี 2566