"ที.เค.เอส.เทคโนโลยี"วางหมากดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเต็มสูบ ตั้งบริษัทย่อยลงทุนสตาร์ทอัพ “อีคอมเมิร์ซ-เอ็ดเทค-ฟูลฟิวเม้นท์” เตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนสตาร์ทอัพ แย้มเจรจาอยู่ 4-5 บริษัท เผยไตรมาส 1/2565 ติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จ ลุยตลาดธุรกิจผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลง เผยผลงานปี 2564 มีรายได้กำไรพุ่ง บอร์ดให้จ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล
นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Solutions ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวด ปี 2564 (1 ม.ค.-31 ธ.ค.2564) บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 1,717.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.2 จากปีก่อน โดยมีปัจจัยจากการชะลอตัวของความต้องการของลูกค้ากลุ่มธนาคารและภาคการส่งออก จากผลกระทบของสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และการลดลงของยอดขายกลุ่มธุรกิจบัตรพลาสติกจากการที่บริษัทฯได้ขายกลุ่มธุรกิจดังกล่าวออกไปในระหว่างปี 2564 อย่างไรก็ตาม ในแง่ผลกำไรจากการดำเนินงาน บริษัทฯมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างมากจากการบริหารต้นทุนการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 490.2 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 15.6 และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 311.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.4 โดยบริษัทฯ ยังคงปรับแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและรักษาฐานธุรกิจเดิม โดยมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ ธุรกิจบริหารคลังสินค้าและการจัดการ ธุรกิจฉลากและบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลง และธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม เป็นต้น
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิประจำปี 1,198.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 967.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 418.7 เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 231.1 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัทฯได้ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจกลุ่มสิ่งพิมพ์และรับรู้รายการกำไรจากการขายหุ้นสามัญของบริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP จำนวน 784.5 ล้านบาท และได้ปรับประเภทการลงทุนจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมโดยคงเหลือการถือหุ้นเพียงร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TBSP โดยกำไรสุทธิปี 2564 (ก่อนรายการพิเศษ) อยู่ที่ 414.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.2 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน 100.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 977.7 และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในกิจการร่วมการค้าเพิ่มขึ้น 82.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.1 โดยการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนมาจากบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ (Fintech Ecosystem) คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 984.5 ล้านบาท โดย TKS และ SABUY จะผนึกกำลังเพื่อปรับเปลี่ยนและต่อยอดรูปแบบธุรกิจบัตรพลาสติกของ TBSP ให้มีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้ารายใหม่ในตลาดการเงินอิเล็กทรอนิกส์และการบริหารจัดการศูนย์อาหารซึ่งเป็นคู่ค้าเดิมของ SABUY ในขณะเดียวกัน TKS และ TBSP ก็จะได้มีโอกาสร่วมลงทุนในธุรกิจการจำหน่ายตู้สินค้าผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นการทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯเชื่อว่าการร่วมลงทุนระหว่าง TKS ,TBSP และ SABUY จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ของทุกฝ่ายร่วมกันในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 46,223,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 46.22 ล้านบาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลด้วยหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ในกรณีมีเศษบริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดแทนการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
และจ่ายเป็นเงินสดจากผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 184.89 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท และสำหรับงวด 6 เดือนหลัง สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ในการรับปันผล (Record Date) ในวันที่ 15 มีนาคม 2565 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2565
นายจุติพันธุ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2565 ภาพธุรกิจของ TKS จะเปลี่ยนไปเป็น Tech Ecosystem Builder มากขึ้น และยังคงเดินหน้าในการลงทุนเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จัดตั้งบริษัท เน็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เพื่อดำเนินกิจกรรมการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพหรือธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล การลงทุนในบริษัทที่เป็นสตาร์ทอัพ ดำเนินธุรกิจสายเทคโนโลยี e-Commerce, EdTech, Fulfillment Platform เพื่อบรรลุกลยุทธ์ของบริษัทและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ปัจจุบันมีการเจรจาอยู่ 4-5 บริษัท
พร้อมกันนี้บริษัทฯจะมีการทำตลาดของธุรกิจผลิตฉลากและบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลง (Security Label & Packaging Solutions) ให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะธุรกิจบรรจุภัณฑ์เป็นเทรนด์ที่มีความต้องการใช้งานสูง ทั้งนี้บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2565 นี้
ที่ผ่านมา TKS ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งมีอีโคซิสเต็มขนาดใหญ่ และเป็น Fintech หนุนโอกาสการเติบโตร่วมกัน รวมไปถึงการได้เข้าไปลงทุนในกองทุน SeaX Ventures กองทุนสัญชาติไทยบริหารโดย RISE ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง (Deep Technology) ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการพลิกโฉมปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ โดยการทรานส์ฟอร์มธุรกิจจาก Security Solution ไปเป็น Tech Ecosystem Builder เพื่อเดินหน้าสู่โลกดิจิทัล