พีทีจี เอ็นเนอยี สนองนโยบายรัฐบาล เตรียมทยอยปรับลดราคาน้ำมัน 2 บาท/ลิตร เดินหน้าขยายงานตามแผน ปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 500 ล้านบาท ลุย non-oil เพราะมาร์จิ้นดี อีกทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 ทุกด้าน รวมถึงธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลดความเสี่ยงของรายได้ที่มาจากน้ำมันเพียงอย่างเดียว เล็งลงทุนในลาวเป็นแห่งแรก พร้อมยกระดับเป็นโฮลดิ้ง
จากกรณีที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้พิจารณาวางแนวทางบริหารราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายหลังจากมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 มีผลทำให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมจัดเก็บ 5.99 บาท/ลิตร ปรับเป็น 3.20 บาท/ลิตร หรือลดลง 2.79 บาท/ลิตร
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เผยว่า บริษัทพร้อมตอบสนองนโยบายภาครัฐ เพราะประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 1.40 บาท โดยหลังจากนี้จะมีการปรับลดราคาน้ำมันลงอีกให้อยู่ในระดับ 2 บาท/ลิตร โดยสาเหตุที่ต้องทยอยปรับลด เนื่องจากบริษัทฯ มีน้ำมันที่เป็นต้นทุนเดิมคงเหลือในสถานีบริการและคลังน้ำมันอยู่เป็นจำนวนมาก และรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ PT เป็นแบบ “COCO” (Company Owned Company Operated) หรือสถานีบริการที่ลงทุน และบริหารจัดการเองทั้งหมด มีผลให้ทางบริษัทฯ ไม่สามารถปรับลดราคาน้ำมันลงได้ในทันที รวมถึงการพิจารณาปรับลดราคาน้ำมัน การพิจารณาต้องคำนึงถึงองค์ประกอบของผลกระทบและการบริหารจัดการในทุกภาคส่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเกิดขึ้นกับส่วนใดส่วนหนึ่ง ทั้งคู่ค้า ลูกค้า ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และพนักงาน
“บริษัทฯ พร้อมตอบสนองดำเนินตามนโยบายภาครัฐ และพร้อมดูแลทุกภาคส่วน รวมถึงลูกค้า พนักงาน นักลงทุน และประชาชน ซึ่งในที่สุดการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลของบริษัทฯ จะปรับลดราคาให้อยู่ที่ระดับ 2 บาท/ลิตร อย่างแน่นอน” นายรังสรรค์ กล่าว
นอกจากนี้ PTG เตรียมยกระดับเป็นโฮลดิ้งคัมปานี หลังจากบริษัทเพิ่มความหลากหลายในการทำธุรกิจ เพราะปีนี้บริษัทมีแผนจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในหลายด้าน ทั้ง non-oil พลังงานสะอาด โลจิสติกส์ ตลอดจนการให้บริการทางการเงิน เพราะ PTG ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการบริการด้าน e-Money ทั้งการรับชำระเงิน การโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ และตัวแทนให้บริการบัตร อย่าง Max Card ล่าสุดคือศึกษาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและการออกเหรียญดิจิทัล เพื่อเชื่อมโยงบริการของกลุ่มบริษัท
"ปีนี้เราแพลนไว้หลายอย่างและหลายเรื่องที่อยู่ระหว่างศึกษา เพราะเราจะกระจายไปด้านอื่นที่ไม่ใช่แค่น้ำมันแล้ว แต่เราสนใจธุรกิจที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 ทุกด้าน เพื่อลดความเสี่ยงของรายได้ที่จะมาจากน้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่จะค่อยเป็นค่อยไปตามแผน รวมถึงแผนการบุกไปในตลาดต่างประเทศ และมอง ลาวเป็นประเทศแรกที่มีความเป็นไปได้สูงเพราะมีอะไรหลายอย่างคล้ายไทย" นายรังสรรค์ กล่าว
ดังนั้น จึงตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการใช้เพื่อการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 120 แห่ง รวมทั้งการเพิ่มจุดติดตั้ง EV Charging Station ในปั๊มน้ำมันเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุก 200 กิโลเมตรทั่วประเทศ หรือเฟสแรกจะเพิ่มให้ได้ 35 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 27 สาขา พร้อมทั้งขยายร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด คือการเปิดสถานีบริการน้ำมันที่มีคอมมูนิตีมอลล์ ที่ศาลายาเป็นสาขาแรก เป็นการขยายงานด้านที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ non-oil ด้วยเป้าหมายการสร้างรายได้จาก non-oil และต้องการเพิ่มสัดส่วนจากเดิม 4% ของรายได้รวม ขณะที่ตัวเลขกำไรจะขยับเพิ่มจาก 12-13% เป็น 15% ของกำไรรวมของบริษัท เพราะ Margin ดีกว่า
