อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น แจ้งงบงวดสิ้นปี 6 รายได้พุ่งทะลุเป้า 6,109.97 ล้านบาท ทำกำไร All Time High 353.11 ล้านบาท หรือเติลโต 80.26% พร้อมชูกลยุทธ์ปี 2565 ดันผลประกอบการพุ่งตามกระแสคลาวด์ เทรนด์ Data Center และการใช้พลังงานทดแทนเพื่อความยั่งยืน
น.ส.วริษา อนันตรัมพร General Manager บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และผู้นำเข้า และค้าส่งอุปกรณ์เครือข่ายส่งสัญญาณ เปิดเผยว่า “ผลประกอบการในปี 2564 ของ ILINK มีรายได้รวม 6,109.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.48% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 353.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.26% สามารถทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนทั้ง 3 ธุรกิจให้เติบโตและต่อเนื่องอย่างมีคุณภาพ ตอบรับกับกระแสเทคโนโลยีแห่งยุคดิจิทัลที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว”
ธุรกิจจัดจำหน่าย (Distribution) ในปี 2564 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,172.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.03% และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 179.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.92% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยภาพรวมการดำเนินธุรกิจนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่ธุรกิจจัดจำหน่ายมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของกระแสดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการในการเชื่อมต่อข้อมูลจำนวนมาก
ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณ และอุปกรณ์เครือข่ายส่งสัญญาณ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ได้มาตรฐานและมีเสถียรภาพสูง ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม และศูนย์ฉีดวัคซีน ซึ่งผลักดันให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในองค์กร ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อภาพรวมกำไรของธุรกิจจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจโทรคมนาคม (Telecom) ในปี 2564 มีรายได้จากการให้บริการรวม 2,462.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.06% และมีกำไรสุทธิจำนวน 251.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.32% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นนี้มีปัจจัยมาจากที่ธุรกิจสามารถรับรู้รายได้งานโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) เพิ่มขึ้นตามการส่งมอบงาน รวมถึงสามารถผลักดันรายได้จากลูกค้ารายใหม่ขนาดใหญ่ที่เข้ามาใช้งานบริการเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 และในระหว่างปี 2564 โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเติบโตจากการปรับกลยุทธ์ New S-curve เช่น งาน Drone & Anti-Drone งาน Smart CCTV และอื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของการให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ ในตลาด
ธุรกิจวิศวกรรม (Engineering) ในปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,422.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.59% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานสำคัญๆ ในมือ เช่น งานโครงการ CC4 หรืองานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) จำนวน 672.62 ล้านบาท โครงการก่อสร้าง สถานีไฟฟ้าย่อยในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 154.97 ล้านบาท และโครงการจ้างก่อสร้างสายส่งแรงสูง สถานีไฟฟ้าปัว-สถานีไฟฟ้าทุ่งช้าง จังหวัดน่าน จำนวน 130.86 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีรายได้รอรับรู้จากงานโครงการต่างๆ ในมือ (Backlog) อีกกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ทั้งหมดในปี 2565 นี้
น.ส.วริษา อนันตรัมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับธุรกิจวิศวกรรมนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณางานโครงการรับเหมาที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/2565 ซึ่งจะหนุนให้ผลการดำเนินงานของทั้งกลุ่มบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่องในปี 2565 พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.38 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายรวมทั้งสิ้น 206.58 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยเงินปันผลจากกำไรจากการดำเนินงานปกติในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท และเงินปันผลจากกำไรพิเศษอีกอัตราหุ้นละ 0.24 บาท เพื่อตอบรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา อีกทั้งสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับบริษัทฯ โดยจะนำเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เมษายน 2565 พิจารณาต่อไป”