ตลาดหุ้นไทยปิด -3.20 จุด โบรกฯ ประเมินภาพรวมการลงทุนปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดตลาด ก่อนมีแรงซื้อเข้าช่วยหนุน หลังธนาคารกลางรัสเซียยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน หลังจากค่าเงินรูเบิลของรัสเซียดิ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลัง "ปูติน" ปธน.รัสเซีย ลงนามกฤษฎีกา ยอมรับการประกาศแยกตัวเป็นอิสระของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮานสก์ เปิดทางบุกยูเครน มองกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,680 จุด แนวต้านที่ 1,700 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 22 ก.พ. 2565 ปรับตัวลดลง -3.20 จุด หรือ -0.19% โดยปิดตลาดที่ 1,691.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 93,075.45 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้ัอขายวันนี้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดตลาดกว่า 20 จุด โดยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,691.62 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,673.31 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 558 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 505 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,279 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,799.99 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,340.17 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -408.95 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,731.21 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,161.83 ล้านบาท ปิดที่ 164.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,096.73 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,645.49 ล้านบาท ปิดที่ 67.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,362.50 ล้านบาท ปิดที่ 63.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,316.40 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TIDLOR ปิดที่ 36.75 บาท เพิ่มขึ้น +2.25 บาท หรือ +6.52%
2.CHG ปิดที่ 3.46 บาท เพิ่มขึ้น +0.20 บาท หรือ +6.13%
3.BCH ปิดที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น +0.80 บาท หรือ +4.26%
4.BCP ปิดที่ 30.75 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท หรือ +3.36%
5.SINGER ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.25 บาท หรือ +2.89%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.IRPC ปิดที่ 3.78 บาท ลดลง -0.16 บาท หรือ -4.06%
3.MAJOR ปิดที่ 20.40 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -2.39%
4.AMATA ปิดที่ 21.60 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -2.26%
5.AOT ปิดที่ 63.50 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -2.31%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,304.38 จุด ลดลง -6.01 จุด หรือ -0.26% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,016.55 จุด ลดลง -3.15 จุด หรือ -0.31% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 641.65 จุด ลดลง -3.12 จุด หรือ -0.48%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายลดช่วงลบจากแรงซื้อกลับ หลังตลาดหุ้นรัสเซียวันนี้ลดช่วงลบในภาคบ่าย เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากธนาคารกลางรัสเซียยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน หลังจากค่าเงินรูเบิลของรัสเซียดิ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
ขณะที่สถานการณ์โควิดในประเทศมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นกระทบหุ้นกลุ่ม Reopening แต่ยังมีแรงซื้อกลุ่มโรงพยาบาล หลังจากรัฐยังให้ผู้ป่วยโควิดใช้สิทธิ UCEP รักษาได้ต่อไป ทำให้ตลาดหุ้นมีบาลานซ์ และรัฐบาลยืนยันไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ จึงมองว่าสถานการณ์จะไม่กระทบต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อไป ให้กรอบแนวรับที่ 1,680 จุด แนวต้านที่ 1,700 จุด