ตลาดหุ้นไทยปิด -18.88 จุด โบรก ฯ ชี้ภาพรวมตลาดลดลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้มีข่าวการเจรจาหลายฝ่ายแต่ยังไม่มีท่าทีชัดเจน ประเมินภาพการลงทุนพรุ่งนี้ที่แนวต้าน 1,715 จุด และ แนวรับ 1,680 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 21 ก.พ. 2565 ดัชนี SET INDEX ปรับตัวลดลง -18.88 จุด หรือ -1.10% โดยปิดตลาดที่ 1,694.32 จุด มูลค่าการซื้อขายทะลุ 104,944.07 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบในกรอบแคบๆตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,713.87 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,692.13 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 564 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 369 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน1,458 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -3,655.11 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 1,466.22 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,387.49 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 801.40 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,158.37 ล้านบาท ปิดที่ 165.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
2.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 4,936.79 ล้านบาท ปิดที่ 5.10 บาท ลดลง 0.60 บาท
3.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,694.20 ล้านบาท ปิดที่ 67.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
4.IVL มูลค่าการซื้อขาย 3,586.23 ล้านบาท ปิดที่ 46.00 บาท ลดลง 3.75 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,169.09 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.COM7 ปิดที่ 77.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.97%
2.CPALL ปิดที่ 67.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท 1.90%
3.SINGER ปิดที่ 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.37%
4.JMT ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 1.59%
5.CBG ปิดที่ 102.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.99%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC XD ปิดที่ 228.00 บาท ลดลง 10.00 บาท หรือ 4.20%
2.SCB ปิดที่ 128.50 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 3.38%
3.KBANK ปิดที่ 165.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 2.37%
4.IVL ปิดที่ 46.00 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ 7.54%
5.DTAC ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ -7.32%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,310.39 จุด ลดลง -34.62 จุด หรือ -1.48% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 1,019.70 จุด ลดลง -16.19 จุด หรือ -1.56% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 644.77 จุด ลดลง -5.60 จุด หรือ -0.86%
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย รับแรงกดดันจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้ว่าจะมีสัญญาณจากสหรัฐฯเปิดทางเจรจารัสเซีย แต่ก็ยังคงต้องรอความชัดเจนออกมาอีกครั้งว่าจะมีการเจรจากันจริงหรือไม่ ทำให้นักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อความไม่แน่อนดังกล่าว
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองนั้นมีแรงขายออกมามากในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ในกลุ่มแบงก์ สื่อสาร และพลังงาน โดยคาดว่าอาจจะเป็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อไปมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทยอยขายออกเพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแยังระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะเดียวกันก็ยังมีแรงซื้อสลับเข้ามาในกลุ่มค้าปลีกที่ผลการดำเนินงานออกมาค่อนข้างดี
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้คาดว่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ผันผวน โดยยังต้องเกาะติดความคืบหน้าของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะการเจรจาของประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยประเมินแนวต้านที่ 1,715 จุด และ แนวรับที่ 1,680 จุด
