xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดคลายแรงกดดัน FED ต่างประเทศแห่ซื้อกว่า 6 พันล้าน หนุนหุ้นไทยปิด +10.13 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นไทยปิด +10.13 จุด โบรกฯ เผยหุ้นไทยพุ่งสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือน หลังนักลงทุนต่างชาติไหลเทเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง อีกทั้งแรงกดดันของธนาคารกลางสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงอย่างที่ตลาดคาด ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้มองแนวต้านแรกที่ 1,725 จุด แนวต้านถัดไป 1,740 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,705 และ 1,695 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 ก.พ.2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +10.13 จุด หรือ +0.60% โดยปิดตลาดที่ 1,711.58.58 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายกว่า 101,538.45 ล้านบาท โดยภาพรวมระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยทยอยปรับตัวขึ้น โดยแกว่งตัวอยู่ในแดนบวกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,718.55 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,708.43 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 958 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 537 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 850 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 6,315.02 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 352.70 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -4,680.59 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า 1,987.12 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 8,954.36 ล้านบาท ปิดที่ 170.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.SCC มูลค่าการซื้อขาย 4,192.34 ล้านบาท ปิดที่ 399.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท
3.BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,484.34 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,820.68 ล้านบาท ปิดที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
5.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,774.82 ล้านบาท ปิดที่ 240.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.OR ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น +1.50 บาท หรือ +5.88%
2.SYNEX ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น+1.25 บาท หรือ +4.95%
3.PLANB ปิดที่ 7.90 บาท เพิ่มขึ้น +0.35 บาท หรือ +4.64%
4.TRUE ปิดที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้น +0.17 บาท หรือ +3.41%
5.WHA ปิดที่ 3.66 บาท เพิ่มขึ้น +0.12 บาท หรือ +3.39%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SINGER ปิดที่ 42.50 บาท ลดลง -1.25 บาท หรือ -2.86%
2.COM7 ปิดที่ 75.00 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -1.96%
3.JMART ปิดที่ 50.50 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -1.94%
4.BANPU ปิดที่ 11.20 บาท ลดลง -0.20 บาท หรือ -1.75%
5.SPALI ปิดที่ 23.00 บาท ลดลง -0.40 บาท หรือ -1.71%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,345.23 จุด เพิ่มขึ้น 13.67 จุด หรือ 0.59% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,035.94 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด หรือ 0.61% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 654.14 จุด เพิ่มขึ้น 9.40 จุด หรือ 1.46%

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี เช้าเปิดกระโดดและขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1,718.55 จุดสูงสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือน จากเดือน ส.ค.62 ตอบรับเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาต่อเนื่อง โดยมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น SCC หนุนตลาดด้วย ขณะที่รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่าคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงอย่างที่ตลาดคาดว่าจะขึ้น 7 ครั้งในปีนี้ แต่จะดูตามสถานการณ์ ณ เดือนนั้นๆ ทำให้ทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงผ่อนคลายลง นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดยูเครนและรัสเซียเริ่มคลี่คลาย หนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ แต่กรอบการขึ้นคงจำกัด และต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรหลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นไปมาก โดยเฉพาะหุ้น Old Economy และ Value Play ขึ้นไปสูงมากแล้ว โดยให้แนวต้านแรกที่ 1,725 จุด แนวต้านถัดไป 1,740 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,705 และ 1,695 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น