ZIGA เปิดรายชื่อ 4 นักลงทุนขาใหญ่รุกถือหุ้นรวม 17.62% พบบิ๊ก MTC "ชูชาติ เพ็ชรอำไพ" ร่วมด้วย หลังรุกเหมืองบิตคอยน์ ยันโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีผลกระทบการบริหารงาน ไม่เข้าเกณฑ์ครอบงำกิจการ ขณะที่ล่าสุด กำไรปี 64 โต 73% ด้านราคาพุ่งต่อเนื่อง รวมแล้ว 278.64% จากระดับ 5.15 บาท มาอยู่ที่ 19.50 บาท แม้เริ่มแผ่ว หลังมีแรงขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมี 4 นักลงทุนรายใหญ่ เข้าถือหุ้นในบริษัทรวม 17.623% ประกอบด้วย นายสมพงษ์ ศิลป์สมบูรณ์ เข้าถือหุ้น 75.689 ล้านหุ้น คิดเป็น 12.349% นายสมศักดิ์ เหล่าสุจริตกุล ถือหุ้น 15.34 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.503% นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถือหุ้น 11 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.795% และนายณัฐพล ทรงสายชลชัย ถือหุ้น 6 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.979%
บริษัทชี้แจงเพิ่มเติมว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ ครอบครัวงามจิตรเจริญ ครอบครัวตรีมุทธาพงศ์ และบริษัท ดีงาม โฮลดิ้ง จำกัด ยังคงรักษาสัดส่วนคือ 44.229% ซึ่งเป็นสัดส่วนผู้ถือหุ้นสูงสุด บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามแผนธุรกิจเดิม โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงาน โครงสร้างการจัดการของบริษัทฯ และไม่เข้าเกณฑ์การครอบงำกิจการ
"การที่มีผู้ลงทุนให้ความสนใจเข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่ออนาคตของบริษัท และไม่ได้มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่แต่อย่างใด เพราะกลุ่มเดิมยังถือครองในสัดส่วนสูงถึง 44.229% ซึ่งการบริหารงานของบริษัทยังคงเดินหน้าสู่การทรานส์ฟอร์มจากธุรกิจเหล็กสู่ธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ และจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด" นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZIGA กล่าว
ปี 64 มีกำไร 204.22 ล้านบาท โต 73.5% ขุดบิตคอยน์ได้ 6.7 แสนบาท
ล่าสุด บริษัทรายงานผลการดำเนินปี 2564 มีกำไร 204.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.5% จากปี 63 ที่มีกำไร 117.7 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขายในปี 64 อยู่ที่ 1,141.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% จากปี 63 ที่มีรายได้ 972.9 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถปรับราคาขายได้เพิ่มขึ้น และมาจากบริษัทสามารถบริหารจัดการกับสัดส่วนสินค้า สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเข้าถึงลูกค้าปลายทางได้มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้อื่นในปี 64 อยู่ที่ 68.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 จำนวน 52.3 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ขอคืนหลักประกันอากร 50.9 ล้านบาท จากกรมศุลกากร
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 4/64 บริษัท ซิก้า เอฟซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เพิ่มการทำธุรกิจขุดคริปโตเคอร์เรนซี โดยทางบริษัทได้บันทึกรับรู้รายได้อื่นในงบการเงินแล้วเป็นจำนวน 0.67 ล้านบาท หรือ 670,000 บาท
อีกทั้งคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาจัดสรรเงินผลกำไรและจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานของปี 64 คือ มีมติอนุมัติการจัดสรรเงินกำไรจากผลประกอบการปี 64 รวม 6.89 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนสำรองตามกฎหมาย และบริษัทไม่มีการจ่ายปันผลเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทได้ทำการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/64 ในอัตราหุ้นละ 0.13 บาท โดยคิดเป็น 31.65% ของกำไรสุทธิ
ราคาหุ้นพุ่ง 278.64% หลังแจ้งลงทุนเหมืองบิตคอยน์
ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ZIGA ตั้งแต่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ได้ให้บริษัทย่อย "ซิก้า เอฟซี" เข้าลงทุนในธุรกิจ bitcoin mining จำนวน 100 ล้านบาท โดยสั่งซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์เพิ่ม 200 เครื่อง เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา และจะทำให้บริษัทมีกำลังแรงขุดครบ 400 เครื่องภายในไตรมาส 1/65
โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นชนซิลลิ่งต่อเนื่องจากระดับราคา 5.15 บาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ. มาอยู่ที่ 19.50 บาท เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 14.35 บาท หรือ 278.64% ถึงแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะออกโรงเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเหมืองบิตคอยน์ โดยขอให้ศึกษาข้อเท็จจริง และความเสี่ยงต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Mining) ให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อขาย
อีกทั้งยังขอให้บริษัทสมาชิกทุกรายกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและเคร่งครัดเพื่อป้องกันภาวะการเก็งกำไรเกินควร และการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น ZIGA ปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.พ.) ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 18.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 5.13% มูลค่าการซื้อขาย 4.01 พันล้านบาท