หุ้นเช้าปิดบวก 4.85 จุด ดัชนีแกว่งแคบบวก-ลบสลับกัน โดยตลาดเอเชียหลายแห่งยังปิดทำการเทศกาลตรุษจีน ส่งผลวอลุ่มบาง และยังมีหลายปัจจัยกดดันตลาดไปไหนได้ไม่ไกล โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกลับมาที่กว่า 9 พันรายสูงสุดรอบ 3 เดือน จึงมีแรงขายกลุ่มเปิดเมือง รวมทั้งแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนกลับมาร้อน แนวโน้มช่วงบ่ายคาดแกว่งแคบต่อไป
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวแคบๆ บวกลบสลับกันจากหลายปัจจัยกดดัน และหลายตลาดในเอเชียยังปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน เช่น จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ทำให้มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง
สำหรับปัจจัยลบในประเทศมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมามากถึง 9,172 ราย สูงสุดในรอบ 3 เดือน 1 สัปดาห์จาก ณ วันที่ 30 ต.ค.64 ทำให้เกิดความกังวลว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะกลับไปทะลุ 1 หมื่นราย ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเปิดเมืองออกมาบ้าง
อีกทั้งมีแรงขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ HANA, KCE เนื่องจากเฟซบุ๊กประกาศผลกำไรต่ำกว่าคาดส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลง 22% และทำให้ดัชนี Nasdaq ร่วง 350 จุด หรือ 2% จึงกดดันหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มรุนแรงขึ้นหลังจากยูเครนประกาศสู้เต็มที่หากรัสเซียบุกเข้ามา และสหรัฐฯ ส่งทหาร 3 พันนายเข้าประชิดบริเวณรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดความเสี่ยง ส่วนผลประชุมโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน เป็น sell on fact
ปัจจัยเหล่านี้กดดันตลาดหุ้นทำให้ไปไหนได้ไม่ไกล และตลาดยังรอดูงบการเงินในไตรมาส 4/64 อย่างไรก็ดี นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น แต่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มขาย
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,672.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.29% มูลค่าการซื้อขายราว 36,795.64 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายคาดว่ายังแกว่งตัวแคบๆ ต่อไป โดยให้แนวรับที่ 1,664 และ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,675 และ 1,680 จุด