xs
xsm
sm
md
lg

แรงกดดัน Bond Yield ยังพุ่งไม่เลิก ฉุดหุ้นไทยปิด -2.03 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวลดลง -2.03 จุด โบรก ฯ ชี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดต่างประเทศ เนื่องจากแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ที่ปรับตัวสูงขึ้น กดดันหุ้นที่มี P/E สูง กระทบหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มองกรอบ SET INDEX แนวรับที่ 1,650 จุด แนวต้านที่ 1,665 -1,670 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 มกราคม 2565 ปรับตัวลดลง -2.03 จุด หรือ -0.12% โดยปิดที่ 1,658.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 96,191.89 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนวันนี้ดัชนีหุ้นไทยผันผวนในช่วงต้นที่เคลื่อนไหวแกว่งตัวในแดนบวกสลับแดนลบ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,667.44 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,653.38 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 547 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 479 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,207 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 2,437.24 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 1,046.54 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,980.91 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -502.87 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,038.11 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
2.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,877.24 ล้านบาท ปิดที่ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,670.41 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
4.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,410.66 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,475.50 ล้านบาท ปิดที่ 122.50 บาท ลดลง 1.00 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DTAC ปิดที่ 47.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 4.44%
2.PTT ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 2.63%
3.PTTEP ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 0.79%
4.TOP ปิดที่ 52.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาทหรือ 1.45%
5.BCP ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาทหรือ 1.85%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 182.00 บาท ลดลง 3.50 บาทหรือ 1.89%
2.KCE ปิดที่ 76.50 บาท ลดลง 3.25 บาทหรือ 4.08%
3.KBANK ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 2.08%
4.JMT ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 3.89%
5.RCL ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 4.57%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,257.41 จุด ลดลง -0.32 จุด หรือ -0.01% ดัชนี SET50 ปิดที่ 989.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.56 จุด หรือ 0.16% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 666.81 จุด ลดลง -1.57 จุด หรือ -0.23%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัว sideway – sideway down ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ต่างได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวสูงขึ้น กดดันหุ้นที่มี P/E สูง เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ KCE ปรับตัวลงแรง

อย่างไรก็ดีดัชนี SET ไม่หลุดระดับ 1,650 จุด เป็นการสร้างฐานออกข้าง หากสัปดาห์นี้ดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1,650 จุด คาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะเทคนิเคิลรีบาวด์ โดยตลาดรอดูงบกลุ่มแบงก์ในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า (25-26 ม.ค.)

ขณะที่แนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดว่าแกว่งตัว Sideway เคลื่อนไหวในกรอบ โดยให้แนวรับที่ 1,650 จุด แนวต้านที่ 1,665 -1,670 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น