บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) (TISCO) แจ้งผลการดําเนินงานรวมของบริษัทงวดปี 2564 มีกําไรสุทธิจํานวน 6,781.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 717.99 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.8 จากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจตลาดทุน โดยเฉพาะธุรกิจจัดการกองทุน การรับรู้กําไรจากเงินลงทุน และสํารองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่ลดลง โดยในปี 2564 บริษัทมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัวร้อยละ 9.7 จากปีก่อนหน้า เป็นรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.2 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้กําไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไรหรือขาดทุน (FVTPL) ที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนของค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงจากมาตรการปิดเมืองในระหว่างปีและผลจากการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การปรับลดเพดานอัตราค่าธรรมเนียมของทางการ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงร้อยละ 4.9 ตามการชะลอตัวของเงินให้สินเชื่อ โดย ณ วันที่ 31ธันวาคม 2564 มีเงินให้สินชื่อจํานวน 202,949.67 ล้านบาท ลดลงร้อยละ9.7จากสิ้นปี 2563 สาเหตุหลักมาจากนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ในภาวะที่ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงในปี 2564
ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะ
เกิดขึ้นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เป็นไปตามคุณภาพสินทรัพย์ที่สามารถควบคุมได้ดีภายใต้สถานการณ์การระบาดที่เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับบริษัทได้ตั้งสํารองเพื่อรองรับความเสี่ยงล่วงหน้าไปแล้ว ตามนโยบายการตั้งสํารองอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ของสินเชื่อ ส่งผลให้ระดับค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 236.7 และอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 16.8
ส่วนผลการดําเนินงานรวมของบริษัทงวดไตรมาส 4 ปี 2564 มีกําไรสุทธิในส่วนของบริษัทมีจํานวน 1,791.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2563 กําไรสุทธิขยายตัวร้อยละ 9.5