ตลาดหุ้นประเดิมรับศักราชใหม่ด้วยความสดใส ดัชนีหุ้นพุ่งทะยานต่อเนื่องจากปลายปี 2564 โดยมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเป็นปัจจัยสนับสนุน
ดัชนีหุ้นปิดวันแรกของปี 2565 ที่ระดับ 1,670.28 จุด เพิ่มขึ้น 12.66 จุด มูลค่าซื้อขาย 100,014.91 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 6,148.01 ล้านบาท
ปีที่ผ่านมา ต่างชาติขายหุ้นสุทธิรวมทั้งสิ้น 4.85 หมื่นล้านบาท โดยสัปดาห์สุดท้ายของปีกลับมาไล่ซื้อหนัก และซื้อต่อเนื่องข้ามปี เป้าหมายคือหุ้นขนาดใหญ่ เช่นกลุ่มแบงก์ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า
โบรกเกอร์หลายสำนักประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นปีนี้ว่าจะสดใสต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายดัชนีปลายปีที่ระดับ 1,800-1,850 จุด และโบรกเกอร์บางสำนักเชื่อว่า เงินทุนต่างชาติยังไม่ไหลกลับ แต่จะไหลกลับมาในปี 2566
การที่ต่างชาติตะลุยไล่ซื้อหุ้นจึงเป็นเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมาย จนทำให้สถานการณ์การลงทุนในเดือนมกราคมคึกคัก ทั้งๆ ที่ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กดดันก็ตาม
ก่อนหน้านี้กังวลกันว่า บรรยากาศการลงทุนในเดือนมกราคาจะซบเซา เพราะนักลงทุนต้องเฝ้ารอดูตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นสู่ระดับหมื่นคนต่อวัน หลังช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ จนทำให้เกิดชะลอการลงทุน
ไม่มีใครคาดหวังว่าจะเกิดแจนยัวรี เอฟเฟกต์ หรือปรากฏการณ์ตลาดหุ้นร้อนแรงในเดือนมกราคม ซึ่งในอดีตเคยเกิดขึ้นหลายปีติดต่อกัน
และแม้ช่วงหลังจะไม่เกิดขึ้น แต่เดือนมกราคมปีนี้อาจมีแจนยัวรี เอฟเฟกต์เกิดขึ้นอีกครั้ง
เพราะฝรั่งซื้อนำร่อง กระชากดัชนีพุ่งขึ้นแรง ทำให้นักลงทุนรายย่อยหัวใจพองโต มีโอกาสร่ำรวยกันต่อเนื่อง
เป้าหมายต่อไป ดัชนี 1,700 จุด อยู่ใกล้แค่เอื้อม โดยเฉพาะหากต่างชาติยังไล่ซื้อหุ้นไม่เลิก
แต่โจทย์ก็คือ ทำไม่ต่างชาติจึงปรับกลยุทธ์ กลับมาไล่ซื้อหุ้นไทยฝุ่นตลบตั้งแต่ช่วงปลายปี และกลับมารอบนี้จะอยู่นานหรือไม่ จะซื้อต่อเนื่องขนาดไหน
ถ้ายังหาคำตอบไม่ได้ นักลงทุนอย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีเกินไป อย่าเพิ่งไว้ใจฝรั่ง แต่ต้องระมัดระวังไว้บ้าง และถ้าหุ้นยังพุ่งแรงต่อไป อาจต้องทยอยทำกำไรออกไปบ้าง เพื่อลดความเสี่ยงในความผันผวน
เพราะยังมีตัวแปรสำคัญเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่น่ากังวล และยังมีภาษีการขายหุ้นที่กระทรวงการคลังจะเรียกเก็บในเร็วๆ นี้
เดือนมกราคมจึงยังเป็นช่วงเวลาที่ต้องเฝ้าระวัง ต้องติดตามการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเป็นรายวัน ซึ่งหากตัวเลขก้าวกระโดดไประดับหมื่นคน จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนทันที
นอกจากนี้ หากสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทั่วโลก หุ้นทั่วโลกอาจผันผวน และถ้าประกาศเก็บภาษีขายหุ้นซ้ำเติมเข้ามาอีก ตลาดหุ้นจะปั่นป่วน
หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมายืนระดับ 1,670 จุด ทุกคนมีกำไรถ้วนหน้า เพียงแต่จะชิงเก็บเกี่ยวกำไรไว้ก่อนหรือไม่
เพราะแม้มุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นปีนี้สดใส ดัชนียังวิ่งได้อีกกว่า 100 จุด แต่ระยะเวลาอีก 11 เดือนเศษข้างหน้า เส้นทางลงทุนไม่ได้ราบเรียบเสียทีเดียว จะผันผวนพลิกผันเป็นช่วงๆ
ช่วงตลาดดี หุ้นขึ้นแรงๆ อาจเป็นช่วงเวลาดีในการชิงขายทำกำไร ถือเงินสด รวบรวมกระสุนไว้รอจังหวะช้อนเก็บหุ้นในรอบต่อไป