xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นหุ้นไทยปีเสือพุ่งแตะ 1,800 จุด รับกำไร บจ.ฟื้น-เงินนอกไหลเข้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ประเมินเป้า SET Index ปีหน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,720-1,800 จุด คาดกำไร บจ.ฟื้นต่อเนื่องตามเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งคาดมีเงินต่างชาติไหลเข้าอีกกว่าแสนล้านบาท พร้อมประเมิน EPS ที่ 82-98 บาท/หุ้น แนะนำลงทุนหุ้นรับอานิสงส์เปิดเมือง-เทคโนโลยี และกลุ่ม Healthcare ที่ยังมีแนวโน้มดี ขณะที่เชื่อ "January Effect" ไม่น่าห่วง

TISCO-ASPS เชื่อดัชนีปีหน้าแตะ 1,800 จุด

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ประเมินว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปี 2565 มีโอกาสขึ้นไปถึง 1,800 จุด เนื่องจากตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ตามแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะฟื้นตัวเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยมองว่าเศรษฐกิจของไทยเติบโตช้ากว่าประเทศอื่น ซึ่งความอัดอั้นในปี 64 จะทำให้ปีหน้าจะเติบโตสูงกว่าศักยภาพได้

นอกจากนี้ ยังคาดว่ากระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ปีหน้ามีโอกาสไหลเข้ากว่า 1 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นเป้าหมายที่ได้รับความสนใจคือ กลุ่มท่องเที่ยว บริการ และการบริโภค ซึ่งได้อานิสงส์จากการเปิดเมือง (Reopening) เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่หากเศรษฐกิจดีขึ้นจะส่งผลให้หนี้เสียในระบบลดลง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะกลับมาดีขึ้น รวมถึงกลุ่ม Healthcare ที่ยังอยู่ในแนวโน้มเติบโตดี

ส่วนนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า EPS ของตลาดปี 65 จะอยู่ที่ 95.3 บาทต่อหุ้น เติบโต 19% ต่อเนื่องจากปี 64 ที่คาด 80 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 63 ที่ทำได้เพียง 40 บาทต่อหุ้น

ด้าน นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส คาดว่า SET Index ปี 65 จะอยู่ที่ 1,800 จุด โดยตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังผ่านช่วงต่ำสุดของผลกระทบโควิด-19 ไปแล้ว ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเติบโต 3.5% สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ภายใต้สมมติฐานที่ประเทศไทยจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

นอกจากนี้ เอเซียพลัส ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไร บจ.ปี 65 เป็น 9.4 แสนล้านบาท จากเดิมคาดที่ 9.27 แสนล้านบาท เติบโต 11% จาก คิดเป็น EPS ที่ 82 บาทต่อหุ้น

"คาดว่าปีหน้าฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญ จากเงินบาทที่ผ่านจุดอ่อนค่าที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ไปแล้ว หลังจากนี้น่าจะทรงตัวในขาขึ้น ซึ่งภาพการลงทุนปีหน้าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก คือ ได้เห็นการฟื้นตัวของจีดีพี กำไร บจ. รวมถึงฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหนุนพร้อมกัน แนะนำทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มที่ฟื้นตัวโควิด และได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมือ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก ส่งออก และอสังหาริมทรัพย์"

บัวหลวงคาดกำไร บจ.ปี 65 โต 18% แตะ 1.12 ล้านล้านบาท

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ระบุว่า SET Index ปีหน้ามีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,800 จุด ตามคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเติบโต 4.1% ประกอบกับราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวสูง จะสนับสนุนกำไร บจ.ให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ากำไร บจ.ปี 65 จะเติบโต 18% จากปีนี้แตะ 1.12 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 98 บาทต่อหุ้น จากปัจจัยบวกคือเศรษฐกิจฟื้นตัวและราคาน้ำมันดิบโลกทรงตัวสูง หนุนกำไรกลุ่ม ปตท. ซึ่งมีน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยที่สูง ดันกำไรรวมของตลาด

ทั้งนี้ แนะนำถือหุ้น 65% (สหรัฐฯ 22% เวียดนาม 17% จีนและอื่นๆ 14% และไทย 12%) ทองคำ 10% และ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) 10% แต่แนะนำเป็นกองรีทต่างประเทศเพราะมีความหลากหลาย และมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ธุรกิจคลาวด์

สำหรับกลุ่มหุ้นเด่นที่แนะนำลงทุน ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล เพราะเป็นกลุ่มที่จากสถิติให้ผลตอบแทนดีท่ามกลางเงินเฟ้อสูงขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีกที่สามารถส่งต่อต้นทุนสินค้าไปยังผู้บริโภค และกลุ่มสถาบันการเงินที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังแนะนำกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เพราะได้อานิสงส์การย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทย จากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี เพราะธุรกิจสามารถต้านทานกับการแพร่ระบาดของไวรัสได้สูง แม้ราคาหุ้นหลายตัวจะปรับขึ้นค่อนข้างร้อนแรง ส่งผลให้มูลค่าหุ้น (Valuation) อยู่ในระดับสูง

KTBST เชื่อโอกาสเกิด "January Effect" น้อย แนะ 3 ธีมลงทุน

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า โอกาสเกิด "Jauary Effect" ต้นปีหน้าค่อนข้างต่ำ เพราะตามสถิติหากจะเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว ดัชนีหุ้นไทยต้องปรับตัวขึ้นร้อนแรงในสัปดาห์สุดท้ายของปี แต่ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณดังกล่าว แต่เดือน ม.ค.65 มีปัจจัยกดดันตลาดหุ้นรออยู่ คือ การเปลี่ยนนโยบานการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และผลกระทบของการเก็บภาษีซื้อขายหุ้น

แนะนำลงทุน 3 ธีม ประกอบด้วย 1.หุ้นที่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่น กลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม และธนาคารพาณิชย์ 2.หุ้นเทคโนโลยี ซึ่งปี 65 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น การใช้งาน 5G ที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งกระแสรถยนต์ไฟฟ้าด้วย และ 3.หุ้นที่ทำธุรกิจกัญชง โดยต้องจับตาดูว่าบริษัทใดจะประสบความสำเร็จกับการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะถัดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น