กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.43 ต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังซื้อขายในกรอบ 33.38-33.84 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงแรกเงินบาทเผชิญแรงขายจากการเพิ่มความเข้มงวดสำหรับมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยว ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตามคาด เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์ Omicron และกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางกระแสข่าวเชิงบวกต่อประสิทธิภาพของวัคซีน ขณะที่สหรัฐฯ อนุมัติการใช้ยาเม็ดต้าน COVID-19 แบบฉุกเฉิน อย่างไรก็ดี ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือน พ.ย.ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 32 ปี บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่ร้อนแรง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 4,535 ล้านบาท และ 16,834 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า จุดสนใจหลักของตลาดยังอยู่ที่ทิศทางมาตรการควบคุมโรคในหลายประเทศและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมถึงการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางหรือ Quantitative Tightening ในระยะถัดไป ขณะที่สภาพคล่องการซื้อขายเบาบางในตลาดท่ามกลางการปิดสถานะการลงทุนก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดสิ้นปีอาจทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเหวี่ยงเกินจริงหากมีกระแสข่าวใหม่เข้ามากระทบ
สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง. มีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบาย โดยประเมินว่าการระบาดของ Omicron เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งกระจายสภาพคล่องให้ตรงจุด อีกทั้ง กนง.ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ขณะที่วัฏจักรเศรษฐกิจของไทยแตกต่างจากหลายประเทศ แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังไม่สูง และการส่งผ่านต้นทุนเป็นไปอย่างจำกัด อนึ่ง ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกตรึงไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตลอดปี 65 ทั้งนี้ กนง.คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 0.9% ในปีนี้ และขยายตัวในอัตรา 3.4% และ 4.7% ในปี 65 และ 66 ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศและภาคท่องเที่ยว โดย กนง.คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 65 ที่ 5.6 ล้านคน ส่วนยอดส่งออกคาดว่าในปี 65 จะเติบโต 3.5% เทียบกับปีนี้ที่คาดว่าขยายตัวในระดับสูงที่ 18%