ตลาดหุ้นไทยไหลบวกตามภูมิภาค ปิดตลาด +14.68 จุด โบรกฯ ชี้ SET INDEX ปรับตัวดีสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่น อาจมาจากประเด็นการควบรวมกิจการ ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ แนวรับที่ 1,635 จุด แนวต้านที่ 1,650 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ปรับตัวขึ้น +14.68 จุด หรือ +0.90% โดยปิดตลาดที่ 1,641.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,593.31 ล้านบาท โดยในระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,645.71 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,632.90 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 888 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 561 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 651 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 3,591.14 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 46.42 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,500.66 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -136.89 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,128.88 ล้านบาท ปิดที่ 226.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท
2.WFX มูลค่าการซื้อขาย 2,730.91 ล้านบาท ปิดที่ 8.45 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,238.45 ล้านบาท ปิดที่ 123.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,998.01 ล้านบาท ปิดที่ 93.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
5.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,977.81 ล้านบาท ปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 226.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท หรือ 4.63%
2.DELTA ปิดที่ 418.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 0.97%
3.SCC ปิดที่ 380.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.53%
4.INTUCH ปิดที่ 76.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.34%
5.EA ปิดที่ 93.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 1.90%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.RS ปิดที่ 18.60 บาท ลดลง 1.20 บาท หรือ -6.06%
2.TQM ปิดที่ 101.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.98%
3.SYNEX ปิดที่ 34.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.45%
4.MTC ปิดที่ 56.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.88%
5.SAWAD ปิดที่ 59.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.83%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,233.36 จุด เพิ่มขึ้น 22.55 จุด หรือ 1.02% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 975.92 จุด เพิ่มขึ้น 10.54 จุด หรือ 1.09% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 569.85 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ 0.24%
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างดีสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยกลุ่มสื่อสารปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่นแต่ไม่เห็นประเด็นอย่างชัดเจน แต่คาดว่าอาจมาจากประเด็นการควบรวมกิจการสร้างประโยชน์ในภาพรวม หรือแม้จะไม่มีประเด็นควบรวม แต่ตลาดมองว่า ใน 1 เดือนข้างหน้าหลังเทศกาลปีใหม่มีโอกาสที่โควิดสายพันธุ์ใหม่จะระบาด จึงมองกลุ่มสื่อสารเป็นแหล่งพักเงินลงทุน เพราะเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และไตรมาส 4/64 ธุรกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ หุ้น ADVANC มีแรงเก็งกำไรจากความคาดหวังว่าอาจมีการจ่ายเงินปันผลพิเศษจากกำไรสะสมสูงถึง 5.3 หมื่นล้านบาท หลังจากมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่มาเป็น GULF ประเมินปันผลพิเศษอาจจะได้ 17-18 บาท/หุ้น โดยเห็นตัวอย่างจากกรณีของ SVI หรือ NOBLE เมื่อเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ใช้เงินกู้เข้ามาซื้อหุ้นมีการจ่ายปันผลตามมา
นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อกลุ่มแบงก์ด้วย Valuation ที่ดูน่าสนใจ แต่งบไตรมาส 4/64 คาดว่าจะอ่อนแอลง และหากมีการระบาดโควิดโอมิครอน กลุ่มแบงก์มีโอกาสรับผลกระทบอีกรอบใน 1-2 เดือนข้างหน้า ที่สุดจึงเลือกเข้ากลุ่มสื่อสารเพื่อป้องกันความเสี่ยงดีกว่า แต่หากมีการระบาดแล้วราคากลุ่มแบงก์ลงก็เป็นโอกาสเข้าเก็บได้
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นหากเกิดการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แต่ไม่รุนแรง ตลาดอาจไม่รับผลกระทบมากนัก ส่วนในช่วงปลายปีที่มีเทศกาลคริสต์มาสอาจทำให้วอลุ่มซื้อขายเบาบาง โอกาสที่ตลาดขึ้นแรง-ลงแรงไม่น่าจะได้เห็น ตลาดบ้านเราน่าจะแกว่งทรงตัวอิงไปทางบวก ทำให้หุ้นกลางและเล็กน่าจะกลับมาเล่นเก็งกำไรกันได้ วันพรุ่งนี้คาดว่าตลาดน่าจะบวกต่อได้แต่อาจไม่แรงเท่าวันนี้ พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,635 จุด แนวต้านที่ 1,650 จุด
"ตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 1/65 น่าจะรับแรงกดดันจากการระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน งบแบงก์ออกมาน่าผิดหวัง และแรงขายกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนด 7 ปีครั้งแรก อย่างไรก็ดี มองว่าดัชนีน่าจะยีงเป็นบวกได้ โดยประเมินดัชนี SET ต้นปีที่ 1,740 จุด และทั้งปี 65 ให้เป้าหมายที่ 1,820 จุด" นายกิจพล กล่าว