xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีมองตลาดหุ้นปี 65 ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น-การเมืองกดดันแต่โควิดเบาลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี มองแนวโน้มการลงทุนในปี 65 ว่า มีโอกาสเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการปรับมาใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง แม้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับฐาน และกลับมาให้ความสนใจลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ผลักดันราคาเกิน 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดหุ้นเอเชียมีโอกาสฟื้นตัวในปีหน้าหลังจากปีนี้ Underperform ส่วนการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยท์ ในปีหน้าคงไม่มีนิวไฮ และจะทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน

"ในปี 65 ตลาดจะไม่เจอปัจจัยการระบาดโควิด คิดว่าโอมิครอนน่าจะเป็นรอบสุดท้าย เข้าใกล้เป็นไข้หวัด และจะไม่เป็นความเสี่ยงในปีหน้า แต่เป็นเรื่องเงินเฟ้อ เชื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า อย่างน้อยครึ่งแรกของปี 65 ในตลาดหุ้นปี 65 เริ่มต้นราคาสินทรัพย์แพงก็มีโอกาสปรับฐาน Bond Yield ระยะสั้นเพิ่ม"

นอกจากนี้ ในปี 65 ยังปัจจัยเสี่ยงการเมืองที่หลายประเทศมีการเลือกตั้ง ได้แก่ สหรัฐฯ ในปลายปีจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 435 คน และสมาชิกวุฒิสภาเลือกตั้ง 1 ใน3 โดยจำนวนนี้ 2 ใน 3 เป็นพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่คาดว่าคงเสียที่นั่งไป ทำให้เกิดความผันผวน ฝรั่งเศสจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน เม.ย.ปี 65 คาดว่าผู้ชนะจะมีคะแนนนำไม่มาก ส่วนอิตาลีมีการเลือกตั้ง่ประธานาธิบดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเข้าร่วมชิงตำแหน่งด้วย หากได้ตำแหน่งจะมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย

สำหรับจีน จะมีการประชุมสภาที่จะต่ออายุให้นายสี จิ้น ผิง นั่งประธานาธิบดีต่ออีกสมัย 5 ปี และจะส่งผู้บริหารฮ่องกงคนใหม่ไปทำหน้าที่ในเดือน มี.ค. น่าจะส่งผลหุ้น IPO เทคโนโลยีในฮ่องกงกลับมาคึกคัก ขณะที่ไทยจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร (กทม.)

ทั้งนี้ การลงทุนในปี 65 แนะนำเน้น 3 ธีม ได้แก่ ธีมปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นปีที่ใช้หุ่นยนต์เพิ่มกำลังการผลิต นำเทคโนโลยีมาแทนที่ ธีมฟินเทค ให้การบริการเข้าถึงประชาชนง่ายมาก แต่กลุ่มนี้ยังทำกำไรได้ไม่มาก และเชื่อหุ้นฝั่งการเงิน ธุรกิจไฟแนนซ์ดั้งเดิมจะเห็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งประยุกต์ใช้บล็อกเชนเข้ามาทำตลาด และธีม Turnaround อย่างการใช่อินเทอร์เน็ตทำธุรกิจ เช่น E-Commrce จากปีนี้ถูกควบคุม น่าจะสามารถกลับมาได้ เชื่อปีหน้าเป็นปีที่จีนเห็นความชัดเจนนโยบาย

นายจิตติพล กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยในปี 65 คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.5% แต่หากท่องเที่ยวฟื้นตัวน่าจะเห็นเติบโตมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนเงินบาทประมาณการไว้ที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลลาร์ และอัตราเงินเฟ้อ 1%

สำหรับตลาดหุ้นไทย ในปี 65 มองว่าดัชนี SET น่าอยู่ในกรอบ 1,650-1,700 จุด เป็นปีที่หุ้นไทย turnaround มองกลุ่ม Old Economy กลับมา อย่างกลุ่มพลังงานเริ่มฟื้นตัวจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงอย่างต่ำ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ยังสามารถทำกำไรโตโดดเด่น และผันตัวเองไปยัง Alternative Energy อีกทั้งกลุ่มแบงก์ ที่น่าสนใจตามแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และยังมีการผนึกฟินเทคประกอบกันกับ Traditional Bank ก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่ม Healthcare จากที่มีการเปิดเมืองชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้ว่าตอนนี้อาจจะไม่โดดเด่นนักก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น