“กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์” ผู้ให้บริการนายหน้าประกันภัย ภายใต้บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ในเครือกรุงศรี ออโต้ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ กรุงศรี ออโต้ โพรเทค ประกันคุ้มครองอะไหล่เพื่อคลายความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ พร้อมส่งประกันคุ้มครองอะไหล่บิ๊ก ไบค์ ตอบโจทย์เหล่าไบเกอร์เป็นแบรนด์แรกในตลาด ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยยานยนต์ปีนี้เติบโต 26% จากปีก่อนหน้า
น.ส.ชญาน์ธิป พันธุ์มณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นของกรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ในการเป็นผู้ให้บริการโบรกเกอร์ประกันภัยที่ไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้เข้าถึงความต้องการของตลาดอย่างครอบคลุมและครบวงจร ประกันคุ้มครองอะไหล่ถือเป็นการนำเสนอทางเลือกให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์มือสอง เพื่อลดความกังวลและภาระค่าซ่อมแซมรถที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวในปี 2557 ต่อมาได้ขยายบริการประกันคุ้มครองอะไหล่ให้กับกลุ่มลูกค้า ‘คาร์ ฟอร์ แคช’ ภายใต้แบรนด์ ‘กรุงศรี ออโต้ โพรเทค’ ในปี 2563 ตลอดจนเปิดบริการออนไลน์ให้ลูกค้าทั่วไปที่สนใจซื้อประกันคุ้มครองอะไหล่สำหรับรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ www.krungsriautobroker.com เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เราต้องการจะตอบโจทย์ผู้ที่กำลังจะซื้อบิ๊ก ไบค์มือสอง ด้วยการเป็นแบรนด์แรกในตลาดที่นำเสนอประกันคุ้มครองอะไหล่บิ๊ก ไบค์ เราหวังว่าการบริการใหม่นี้จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์เจ้าของบิ๊ก ไบค์ที่ให้ความสำคัญกับรถบิ๊ก ไบค์ของตนเองไม่แพ้รถยนต์ โดยประกันคุ้มครองอะไหล่บิ๊ก ไบค์ของกรุงศรี ออโต้ โพรเทค มาพร้อมกับความคุ้มค่าและบริการที่สะดวก ไม่ยุ่งยาก เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนหลายกลุ่ม ด้วยความคุ้มครองอะไหล่แท้สูงสุดถึง 10 กลุ่มอะไหล่ และการนำรถเข้าบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศ โดยการเคลมสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มขอรับบริการ
“ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน ผู้บริโภคในทุกกลุ่มต่างมองหาบริการประกันภัยที่สามารถสร้างความมั่นใจให้ทุกช่วงของชีวิต กรุงศรี ออโต้ โพรเทค เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ในฐานะโบรกเกอร์ประกันภัยที่เข้าใจความต้องการของคนมีรถในหลากมิติ และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เราตั้งเป้าว่ายอดเบี้ยประกันภัยยานยนต์ของปี 2564 จะเติบโต 26% ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาดได้เป็นอย่างดี”
