หลังจากที่ Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทตัวเองมาเป็น Meta และประกาศลุยธุรกิจ Metaverse อย่างเต็มตัวทำให้คำ ๆ นี้กลายเป็น Buzz Word ที่ใคร ๆ ก็พูดถึงกันในแวดวงธุรกิจและการลงทุนโดยเฉพาะในวงการของ Cryptocurrency แต่ภาพที่คนส่วนใหญ่มองและเข้าใจคำว่า Metaverse ดูจะเห็นแต่ภาพของสื่อที่เป็นสามมิติสวยงามขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเทคโนโลยีนี้มีอะไรมากกว่านั้น
ถ้ามาเจาะลึกไปยังแก่นของคำว่า Metaverse จริงๆแล้วเป็นส่วนหนึ่งของ Internet ในยุค 3.0 ที่ผู้ใช้งานสามารถมีตัวตนจริง ๆ ได้ในโลกของอินเทอร์เนต ต่างจากยุคแรกที่เป็นเพียงแค่การอ่านข้อมูลทางเดียวและยุคที่สองซึ่งเป็นยุคปัจจุบันที่เป็นยุคที่สามารถสื่อสารสองทางได้แล้ว
คำว่ามีตัวตนในโลกอินเทอร์เนตไม่ได้หมายความว่าเป็นเพียงแค่การสร้าง Avatar เท่านั้นแต่เราสามารถที่จะมีชีวิตจริง ๆ โดยไม่มีใครที่จะแอบอ้างหรือปลอมแปลงตัวเราได้ สามารถถือครองสินทรัพย์จริง ๆ ในรูปแบบดิจิทัลและใช้ชีวิตแบบไร้พรมแดน
ก่อนอื่นต้องมาพูดถึง Painpoint สำคัญในโลกอินเทอร์เนตตอนนี้ก็คือเรื่องของการใช้ Account ปลอมใน Social Media ต่างๆ ชนิดที่ว่าใครก็สามารถสร้างตัวตนปลอมได้โดยยากที่จะพิสูจน์ตัวจริงได้แม้แต่ Facebook ที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเองก็ตามหรือการแอบ Copy Clip ใน Youtube ซึ่งแม้แต่ Google จะพัฒนา AI ขึ้นมาตรวจจับการปลอมแปลงได้แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาพอสมควร
แต่ในโลก Metaverse เราสามารถสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาได้โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างเช่น NFT ซึ่งสามารถสร้างสิ่งต่างๆในโลกอินเทอร์เนตได้โดยมีเพียงชิ้นเดียว สามารถพิสูจน์ความเป็นของจริงได้ ซึ่งจะเข้ามาแก้ไขปัญหาของโลกออนไลน์ในปัจจุบันที่มีแต่ “ตัวปลอม”
นอกจากนี้หากมีการนำบล็อกเชนเข้ามาใช้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก Metaverse หรือ Internet 3.0 จะเกิดขึ้นแล้วย้อนกลับไปแก้ไขอีกไม่ได้ซึ่งเหมือนกับชีวิตจริงของคนเราที่เวลาไม่ไหลย้อนกลับ ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ปัจจุบัน
การมาของ NFT ยังทำให้สินทรัพย์ที่เราถือครองในโลก Metaverse ไม่ว่าจะเป็นไอเท็มต่าง ๆ ในเกมส์ สินค้าที่สร้างโดยแบรนด์ชั้นนำ (ล่าสุด Nike กระโดดเข้ามาในตลาดนี้แล้ว) ที่ดินในเกมส์ Sandbox จะกลายเป็นสิ่งที่สามารถซื้อขายกันได้จริงในโลก Metaverse และเราสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ๆ ได้ตลอดไปแม้ว่าแพลตฟอร์มที่สร้างสินทรัพย์นั้น ๆ จะปิดตัวลงไปก็ตาม
ปัจจุบันนี้สิ่งที่เราคิดว่าเป็นเจ้าของในโลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นภาพ คลิปวีดีโอ Account ผู้ใช้งาน เราไม่ได้เป็นเจ้าของมันจริงๆแต่แพลตฟอร์มคือผู้ที่เป็นเจ้าของต่างหาก ถ้าหากเจ้าของโลกต้องการจะทำอะไรกับสิ่งที่อยู่ในแพลตฟอร์มของเขาอย่างเช่น Delete ออกไปก็สามารถทำได้ แต่ในโลกของ Internet 3.0 เจ้าของแพลตฟอร์มจะไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จแบบนั้นอีกต่อไป เหมือนในโลกของความจริงที่ไม่มีใครมา Delete ชีวิตของเราไปได้ (ยกเว้นฆ่าตัวตายเอง)
อีกประเด็นคือ Metaverse ไม่ได้เป็นเพียงแค่การอยู่อาศัยและชมโลกเสมือนจริงแต่เพียงผู้เดียว แต่จะอาศัยอยู่ในรูปแบบของสังคมใหม่ที่มีผู้คนมาใช้ชีวิตร่วมกันและเมื่อเกิดสังคมก็ต้องมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งจะต้องเกิดการใช้สื่อกลางแลกเปลี่ยนหรือเงินซึ่งสกุลเงินดิจิทัลซึ่งเป็นสกุลเงินที่ไม่มีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะเข้ามามีบทบาทในโลกเสมือนจริงนี้ทำให้การใช้ชีวิตในสังคมใหม่นี้ไร้พรมแดนอย่างแท้จริง
ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้คงเห็นภาพแล้วว่า Metaverse ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของคอนเทนท์ที่ภาพสวยงามสมจริงเท่านั้นแต่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์นตยุค 3.0 อีกด้วยซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Metaverse จะเติบโตได้เร็วและสมบูรณ์แบบนอกจากเรื่องของโควิดที่ทำให้คนทั้งโลกหันมาใช้ชีวิตบนออนไลน์กันมากขึ้นแล้ว แต่ยังมีเรื่องของเทคโนโลยีบล็อกเชน Cryptocurrency ,DeFi และ NFT เข้ามาเติมเต็มให้สมบูรณ์แบบอีกด้วย
Metaverse จึงไม่ใช่เพียงแค่เข้ามาในโลกเสมือนจริงที่ภาพสวย สัมผัสได้แต่เป็นการสร้างตัวตนจริงๆบนโลกอีกโลกหนึ่งนั่นเอง
นเรศ เหล่าพรรณราย ซีอีโอ Ricco Wealth