นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ในต้นปี 65 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเร่งด่วนผ่านการใช้เม็ดเงินเพื่อเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาภาคประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการระบาดของโควิด-19 ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อพยุง และประคองให้เศรษฐกิจไทยยังพอเติบโตได้บ้าง แม้ว่าจะเติบโตไม่ได้เต็มที่ก็ตาม
"การกู้เงินเพื่อเยียวยาประชาชนนั้น ถือเป็นการช่วยเหลือแบบเฉพาะหน้า แต่เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น การสร้างเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวและเดินหน้าต่อได้เป็นเรื่องสำคัญ การช่วยให้คนมีงานทำ มีรายได้เป็นของตัวเองเป็นสิ่งที่ต้องดำเนิน เมื่อส่วนนี้เดินหน้าได้ การเยียวยาและช่วยเหลือก็ต้องลดลง แต่หันไปเน้นในเรื่องการแบ่งเบาภาระให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการผ่านมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่คาดว่าจะมีการเปิดลงทะเบียนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า" รมว.คลัง กล่าวในการเสวนาพิเศษ ในงานสัมมนา Thailand 2022 UNLOCK VALUE ก้าวสู่เส้นทางใหม่ไร้ขีดจำกัด
รมว.คลัง กล่าวว่าในช่วงปี 63-64 รัฐบาลมีการกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยให้ประชาชนและภาคธุรกิจยังพอมีรายได้ไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทำให้ภาพรวมการบริโภคภาคประชนในปีนี้เติบโตได้ที่ 1.6% สะท้อนว่านโยบายด้านการคลังเปิดช่องให้มีการใช้จ่ายได้มากขึ้น ขณะเดียวกันการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการเปิดประเทศอย่างเต็มที่ในปี 65 จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าได้ตามวิถี
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินเพื่อใช้ดูแลและเยียวยาประชาชนจากผลกระทบของโควิด-19 ของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลก็ได้มีการขยับเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มจาก 60% ต่อจีดีพี เป็น 70% ต่อจีดีพี เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลมีช่องในการบริหารด้านคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะทำแบบสุดโต่งเกินไปก็คงไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความน่าเชื่อถือของประเทศ
สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังจากนี้ การพึ่งพาการเติบโตจากภายในและภายนอกประเทศจะต้องมีความสมดุลกันมากขึ้น เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจรายบุคคล รวมทั้งต้องมีเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการผ่านโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นกลไกใหม่ที่สำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในระยะถัดไป โดยการดำเนินการทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้กรอบ กติกาของวินัยการเงินและการคลัง