นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลื้มกระแสการใช้จ่ายของประชาชนผ่านมาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพของรัฐ ที่รัฐบาลมีการเพิ่มวงเงินสนับสนุนในการช่วยลดภาระการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชน ช่วยกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งเพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยความคืบหน้า (ข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564) มียอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 41.2 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม รวม 191,685.3 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 26.13 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 169,488.9 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 86,115 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 83,373.9 ล้านบาท
ขณะที่โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 90,799 คน ยอดใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 3,445.8 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 184.5 ล้านบาท โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.55 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 17,123.1 ล้านบาท และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.43 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,443 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม ล่าสุดมีจำนวนกว่า 75,000 ราย ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังสามารถลงทะเบียนรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" จนกว่าจะครบ 1 ล้านสิทธิ
นายธนกร กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาคึกคึกหลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลาย นายกรัฐมนตรีพอใจกระแสตอบรับและการใช้จ่ายของประชาชนที่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาล ออกมาใช้ชีวิตแบบ New Normal ซึ่งรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นทำงานเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยผ่านมาตรการ/โครงการต่างๆ มาตรการเยียวยา มาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่ละโครงการได้รับเสียงชื่นชมจากต่างชาติ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ ที่ทำให้ทั้งผู้ซื้อ/ผู้รับบริการ และผู้ประกอบการ ตลอดจนร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ต่างได้รับประโยชน์ สร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจคู่ขนานไปกับนโยบายการเปิดประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติได้ เชื่อมั่นว่าในอีก 1 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจไทยจะยิ่งคึกคัก เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนไทยทุกคนมีความสุขในเทศกาลปีใหม่อย่างแน่นอน
ขณะที่โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 90,799 คน ยอดใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 3,445.8 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 184.5 ล้านบาท โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.55 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 17,123.1 ล้านบาท และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.43 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,443 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม ล่าสุดมีจำนวนกว่า 75,000 ราย ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังสามารถลงทะเบียนรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" จนกว่าจะครบ 1 ล้านสิทธิ
นายธนกร กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาคึกคึกหลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลาย นายกรัฐมนตรีพอใจกระแสตอบรับและการใช้จ่ายของประชาชนที่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาล ออกมาใช้ชีวิตแบบ New Normal ซึ่งรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นทำงานเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยผ่านมาตรการ/โครงการต่างๆ มาตรการเยียวยา มาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่ละโครงการได้รับเสียงชื่นชมจากต่างชาติ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ ที่ทำให้ทั้งผู้ซื้อ/ผู้รับบริการ และผู้ประกอบการ ตลอดจนร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ต่างได้รับประโยชน์ สร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจคู่ขนานไปกับนโยบายการเปิดประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติได้ เชื่อมั่นว่าในอีก 1 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจไทยจะยิ่งคึกคัก เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนไทยทุกคนมีความสุขในเทศกาลปีใหม่อย่างแน่นอน