TKS ประกาศผลงานไตรมาส 3/2564 บุ๊กกำไร 852.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 782.1 ล้านบาท หรือโตร้อยละ 1,105 จากงวดเดียวกันของปีก่อน รับส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX และรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในทางบัญชีจากการขาย TBSP ให้ SABUY จำนวน 776.1 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 413.3 ล้านบาท ดันผลงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้โกยกำไรอยู่ที่ 1,076.8 ล้านบาท โตร้อยละ 602.3 กวาดรายได้ 1,373.4 ล้านบาท "จุติพันธุ์ มงคลสุธี" แม่ทัพใหญ่เผยพร้อมพลิกโฉม TKS สู่บริษัท Tech วาง SYNEX เรือธง สินค้าไอที และมี SABUY หนุนอีโคซิสเต็ม เดินหน้าลงทุนสตาร์ทอัปเทคขั้นสูงทั่วโลก ทั้งบล็อกเชน ฟูดเทค ไบโอเทค AI โรบอท IoT ฮาร์ดแวร์
นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 3 ปี 2564 (1 ก.ค.-30 ก.ย.2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 852.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 782.1ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,105 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.8 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 413.3 ล้านบาท ลดลง 51.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.1 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 465.2 ล้านบาท เป็นผลจากการชะลอโครงการของลูกค้ากลุ่มธนาคารและภาคการส่งออกในกลุ่มสินค้าประเภทงานพิมพ์ธุรกิจปลอดการปลอมแปลงฉลากสินค้า และบัตรพลาสติก จากผลกระทบของโควิด-19
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัท ฯได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 13.60 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.3 และรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในทางบัญชี จำนวน 776.10 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 852.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 782.10 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,105
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,076.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 923.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 602.3 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 153.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 28.7 เพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 22 เนื่องจากสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารให้เหมาะสม และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการค้าร่วมเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 จากความต้องการสินค้าไอทีที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในทางบัญชี จำนวน 776.1 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,373.4 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย จำนวน 29.7ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.1 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1,403.1 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 3/2564 TKS ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกใหม่ของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ (Fintech Ecosystem) ในสัดส่วน 9.68% เพื่อเสริมในส่วนของการเป็นบริษัท Tech Ecosystem และยังสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าร่วมกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการจัดโครงสร้างธุรกิจสิ่งพิมพ์กระดาษและธุรกิจบัตรพลาสติกของบริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TKS ถือหุ้นร้อยละ 98.48 โดยภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จสิ้น TKS ได้ขายหุ้นสามัญของ TBSP คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 73.48 และคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,005.02 ล้านบาท ให้แก่ SABUY ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ TKS คงเหลือร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TBSP
โดย TKS และ SABUY จะผนึกกำลัง (Synergy) เพื่อปรับเปลี่ยนและต่อยอดรูปแบบธุรกิจบัตรพลาสติกของ TBSP ให้มีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้ารายใหม่ในตลาดการเงินอิเล็กทรอนิกส์ และการบริหารจัดการศูนย์อาหารซึ่งเป็นคู่ค้าเดิมของ SABUY ในขณะเดียวกัน TKS และ TBSP จะได้มีโอกาสร่วมลงทุนในธุรกิจให้บริการรับชำระเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงธุรกิจการจำหน่ายสินค้าผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นการทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ เชื่อว่าการร่วมลงทุนกันระหว่างบริษัทฯ TBSP และ SABUY จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ของทุกฝ่ายร่วมกันในอนาคต
"บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการปรับแผนธุรกิจของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทให้เกิดผลผนึก (Synergy) ทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยรวมสำหรับรักษาฐานธุรกิจเดิมควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ที่ผ่านมา TKS มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง มีการเข้าลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเพื่อพลิกโฉมองค์กรก้าวสู่การเป็นบริษัท Tech Ecosystem ตามเทรนด์ของโลก การเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและเป็นโอกาสธุรกิจในอนาคต" นายจุติพันธุ์ กล่าว
ล่าสุด TKS เข้าไปลงทุนในกองทุน SeaX Ventures ซึ่งเป็นกองทุนสัญชาติไทย ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัปทั่วโลกที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง (Deep Technology) ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการปรับโครงสร้างธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีโซลูชันแบบครบวงจร
โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและบริหารคลังสินค้า (Security & Fulfillment Solution) ผ่านการลงทุนในบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด 2.ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และระบบสารสนเทศ (IT Ecosystem) ผ่านการลงทุนในบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX 3.ธุรกิจผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ (Fintech Ecosystem) ผ่านการลงทุนใน SABUY และ TBSP และ 4.ธุรกิจผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ผ่านการลงทุนในบริษัท โกไฟว์ จำกัด