เดอะสตีล ไตรมาส 3 ของปี 64 พลิกมีกำไรสุทธิ 151.83 ล้านบาท โต 1,032.04% จากปีก่อนหน้ามีผลขาดทุนสุทธิ 16.29 ล้านบาท มั่นใจโค้งสุดท้ายของปีผลประกอบการโตแรงได้อีก เหตุราคาเหล็กทรงตัวในระดับสูง ความต้องการเหล็กในประเทศพุ่ง หลังการนำเข้าสะดุดจากปัญหาโควิด-19 หนุนให้ผลประกอบการปี 64 มีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่
นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะสตีล จำกัด (มหาชน) หรือTHE เปิดเผยว่าไตรมาส 3ปีนี้ พลิกมีกำไรสุทธิ 151.83 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 16.29 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 168.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 1,032.04%
สำหรับรายได้ในไตรมาส 3 ของปี 2564 มี 3,796.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,925.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 102.97% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,870.31 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้รายได้เติบโตเท่าตัว เป็นผลจากปริมาณการขายเหล็กเพิ่มขึ้น 26.56% เนื่องจากวัตถุดิบเหล็กจากต่างประเทศนำเข้าลดลง ภายหลังภาคการขนส่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณเหล็กในประเทศขาดแคลน และราคาขายโดยเฉลี่ยในไตรมาสนี้ เพิ่มสูงจากงวดเดียวกันของปีก่อน62.62% ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 305.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นเพียง 135.26 ล้านบาท
“ ราคาเหล็กในช่วงเดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่เป็นเพียงสถานการณ์ระยะสั้น เพราะในเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่ผ่านมา ราคาได้ขยับกลับมาทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับราคาเมื่อช่วงต้นปี และคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงโค้งสุดท้ายของปี ทำให้ผลประกอบการในงวดไตรมาส 4 ของปีนี้ น่าจะทำได้ดีกว่างวดไตรมาส 3 นี้ และหนุนให้ภาพรวมของทั้งปี มีโอกาสสร้างสถิติสูงสุด (New High) ” นายบุญชัยกล่าว
ทั้งนี้ งวด 9 เดือนแรกของปี 2564 นี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 861.34 และมีรายได้ 11,190 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จะมีรายได้ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมาย