xs
xsm
sm
md
lg

ซีไอเอ็มบี ไทยประกาศกำไรสุทธิงวด 9 เดือน จำนวน 1,708.2 ล้าน เพิ่มขึ้น 16.4%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) แจ้งกำไรสุทธิงวด 9 เดือน จำนวน 1,708.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% YoY หรือ 240.6 ล้านบาท โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 159.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.7% YoY เพิ่มขึ้นจากการเป็นนายหน้าขายประกันและหน่วยลงทุน มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 783.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.4% YoY ลดลงจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้ออันเนื่องมาจากการขยายตัวของสินเชื่อลดลง

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 849.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.3% YoY จากการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรและการจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน ปรับตัวดีขึ้นเป็น 55.7% จาก 60.1% YoY

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,708.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 240.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.4 เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2563 สาเหตุหลักเกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 12.3 และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงร้อยละ 6.0 ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานลดลงร้อยละ 5.4%

รายได้จากการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนปี 2564 มีจำนวน 10,883.8 ล้านบาท ลดลงจำนวน 620.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2563 เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 783.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.4 เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้ออันเนื่องมาจากการขยายตัวของสินเชื่อลดลงสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ จำนวน 159.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.7 ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าขายประกันและหน่วยลงทุน ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้น จำนวน 3.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.2 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนปี 2564 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2563 ลดลงจำนวน 849.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.3 เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารด้านทรัพยากรบุคคลและการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 55.7 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 60.1

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin - NIM) สำหรับงวด 9 เดือนปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้อ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 เงินให้สินเชื่อสุทธิของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 216.6 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก จำนวน 251.0 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.2 จากสิ้นปี 2563 ซึ่งมีจำนวน 251.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็นร้อยละ 86.3 จากร้อยละ 90.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ร้อยละ 4.4 ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ร้อยละ 4.6 สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2564 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 105.9 เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 93.3 ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.4 พันล้านบาท เป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวน 1.7 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 กันยายน 2564 มีจำนวน 54.0 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 20.7 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 15.0


กำลังโหลดความคิดเห็น