xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยร่วง -2.67 จุด หวั่นผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง งบ Q3 บจ.วูบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ดัชนีปรับตัวลดลง 2.67 จุด หรือ -0.16% ลงมาอยู่ที่ระดับ 1,640.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย 84,963.95 ล้านบาท โบรกฯ ชี้ตลาดกังวลยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิตในประเทศกลับมาพุ่งสูงขึ้น ทำให้กระทบภาพรวมหุ้นกลุ่มเปิดเมืองแกว่งตัว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบต่างประเทศเข้ามาจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลด QE ลงอีก และขึ้นดอกเบี้ยหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงขึ้น อีกทั้งประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศงบผลประกอบการไตรมาส 3/64 หลายกลุ่มอาจขาดทุนต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายที่ระดับ 1,640.97 จุด ปรับตัวลดลง -2.67 จุด หรือ -0.16% มูลค่าการซื้อขาย 84,963.95 ล้านบาท โดยในวันนี้ตลอดทั้งวันดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ สลับทั้งแดนบวกและแดนลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,648.62 จุด และลดลงระดับต่ำสุดที่ 1,637.42 จุด

ขณะที่ในส่วนของหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงปรับตัวเพิ่มขึ้น 604 หลักทรัพย์ ลดลง 1,094 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 542 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 5,069.23 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิ 99.37 ล้านบาท ในทางกลับกัน สถาบันขายสุทธิ -2,478.51 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ -2,690.09 ล้านบาท

ด้านหุ้น 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.AOT 4,633.33 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง -0.25 บาท หรือ -0.37%
2.U 3,371.57 ล้านบาท ปิดที่ 1.95 บาท เพิ่มขึ้น +0.23 บาท หรือ +13.37%
3.TRUE 3,249.28 ล้านบาท ปิดที่ 4.24 บาท ลดลง -0.06 บาท หรือ -1.40%
4.KBANK 2,812.50 ล้านบาท ปิดที่ 140.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน - (-)
5.CPALL 2,142.07 ล้านบาท ปิดที่ 64.50 บาท เพิ่มขึ้น +0.50 บาท หรือ +0.78%

ในส่วนของดัชนี SET 100 ที่มีราคาบวกเพิ่มมากที่สุด ได้แก่
1.CPN ปิด 57.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +3.60%
2.TQM ปิด 107.00 บาท เพิ่มขึ้น +1.50 บาทหรือ +1.42%
3.TOP ปิด 57.75 บาท เพิ่มขึ้น +1.25 บาท หรือ +2.21%
4.GPSC ปิด 76.25 บาท เพิ่มขึ้น +0.75 บาทหรือ +0.99%
5.MEGA ปิด 44.75 บาท เพิ่มขึ้น +0.75 บาท หรือ +1.70%
6.PTTGC ปิด 65.50 บาท เพิ่มขึ้น +0.75 บาท หรือ +1.16%

ด้านดัชนี SET 100 ที่มีราคาลบมากที่สุดได้แก่
1.DELTA ปิด 438.00 บาท ลดลง -18.00 บาทหรือ -3.95%
2.CBG ปิด 121.00 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -1.22%
3.ADVANC ปิด 191.50 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -0.78%
4.DTAC ปิด 41.50 บาท ลดลง -1.25 บาทหรือ -2.92%
5.PSL ปิด 18.90 บาท ลดลง -1.20 บาท หรือ -5.97%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,246.79 จุด ลดลง -4.92 จุด หรือ -0.22% ดัชนี SET50 ปิดที่ 987.28 จุด ลดลง -2.38 จุด หรือ -0.24% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 559.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด หรือ 0.17%

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ วอลุ่มซื้อขายไม่มากนักจากความกังวลปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบ หลังจากรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าคาด ทำให้ตลาดกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) คาดว่าจะเริ่มกลาง พ.ย.นี้ โดยทยอยลดลงเดือนละ 1.2-1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอัตราดอกเบี้ยมีความเสี่ยงปรับขึ้นเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ในไตรมาส 4/65

ในส่วนของภาพรวมการลงทุนในประเทศไทยวันนี้นั้น หลังจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้สูงขึ้น และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมากังวลอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเปิดเมือง ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาบางส่วน ส่วนผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันนี้เป็นไปตามคาดเดินหน้าขั้นตอนเปิดเมือง ทำให้ยังเล่นกลุ่ม Reopening ได้บ้าง เช่น AOT, ERW, CPALL, CPN, CRC มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเพราะได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศโดยตรง รวมถึงการประกาศงบการเงินในไตรมาส 3/64 ที่กำลังทยอยประกาศคาดว่าหุ้นหลายกลุ่มจะออกมาไม่ดี โดยวันนี้ TISCO ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ต่ำกว่าทั้ง QoQ และ YoY ทั้งนี้ แนะ selective buy เพราะแม้บ้านเราจะเปิดประเทศแต่ต่างประเทศยังไม่เปิดให้มาเที่ยวไทย เช่น จีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่สุดของไทย

ขณะที่แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ คาดตลาดแกว่งตัว Sideway ให้แนวรับที่ 1,630 จุด แนวต้านที่ 1,655 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น