xs
xsm
sm
md
lg

ไพ่ใบสุดท้ายดันบิทคอยน์สร้างจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้ / นเรศ เหล่าพรรณราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคมสู่ระดับ 55,000 ดอลลาร์ เหลืออีกเพียงแค่ 10,000 ดอลลาร์ ก็จะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 65,000 ดอลลาร์ ที่เคยเกิดขึ้นในเดือนเมษายนได้สำเร็จ

เกือบครึ่งปีของการปรับฐาน บิทคอยน์ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่าง ๆ ไม่ว่าจะนโยบายทางการเงินของ FED ที่เริ่มลดการอัดฉีดสภาพคล่อง การปิดเหมืองขุดบิทคอยน์ของจีนตลอดจนนโยบายปราบปรามคริปโตอย่างเข้มงวดอีกครั้งของจีน แต่สุดท้ายบิทคอยน์ก็สามารถฝ่าฟันกลับขึ้นมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง

ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเป็นขาขึ้นของบิทคอยน์มีตั้งแต่การที่ประเทศเอลซัลวาดอร์มีการนำบิทคอยน์มาใช้เป็นสกุลเงินในประเทศตลอดจนเริ่มเข้าลงทุนในบิทคอยน์ ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่อย่าง Microstrategy ยังคงเดินหน้าซื้อบิทคอยน์อย่างต่อเนื่องแม้ตลาดจะเป็นขาลงรวมถึงการเติบโตของ DeFi และ NFT ซึ่งเป็นตัวผลักดันตลาดคริปโตและบิทคอยน์ในทางอ้อม

ถึงอย่างไรยังคงมีอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ทำให้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่หรือแตะระดับแสนดอลลาร์ตามที่หลายสำนักคาดการณ์กันคือต้องลุ้นว่า ก.ล.ต. ของสหรัฐฯจะอนุมัติกองทุน ETF ของบิทคอยน์หรือไม่

กองทุน ETF ที่ลงทุนโดยตรงในบิทคอยน์เป็นสิ่งที่ตลาดคาดหวังมาตั้งแต่ปี 2017 ที่มีการยื่นขอจดทะเบียนเป็นครั้งแรกกับ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ แต่ก็ถูกเลื่อนพิจารณามาหลายปี

หากกองทุน ETF ดังกล่าวได้รับการอนุมัติจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดนักลงทุนหน้าใหม่ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน ที่สนใจในบิทคอยน์แต่กังวลในแง่มุมของกฎหมายและการคุ้มครองจะมีความกล้าที่จะเข้ามาลงทุนซึ่งเม็ดเงินจำนวนมากจากสินทรัพย์ดั้งเดิมจะไหลเข้ามาในบิทคอยน์

ต้องบอกว่าตลาดคริปโตทั้งหมดที่มีมูลค่าแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ยังมีมูลค่าเทียบเท่ากับมูลค่าของหุ้น APPLE บริษัทเดียวเท่านั้น หากเปรียบเม็ดเงินที่อยู่ในตลาดการเงินดั้งเดิมเป็นทะเลสาบ ตลาดคริปโตก็มีขนาดเพียงแค่สระว่ายน้ำ

แต่ถ้าเม็ดเงินจากทะเลสาบไหลเข้ามาจากสระว่ายน้ำก็สามารถขยายต่อจนมีขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ โดย ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ จะทำการประกาศผลตัดสินผู้ยื่นเสนอตั้ง ETF ของบิทคอยน์ของผู้สมัคร Global X Bitcoin Trust, Valkyrie XBTO Bitcoin Futures Fund, WisdomTree Bitcoin Trust และ Kryptoin Bitcoin ETF ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 8, 11 ธ.ค. และ 24 ธ.ค. ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามมีสัญญาณที่ดีจากกองทุน Volt Equity ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในกิจการที่มีการถือครองบิทคอยน์ไว้เป็นทรัพย์สินของบริษัทอย่างเช่น Microstrategy และ Coinbase ซึ่งถือเป็นการรับความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการถือครองบิทคอยน์ทางอ้อม เป็นการส่งสัญญาณว่าหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ “เปิดใจ” ยอมรับบิทคอยน์

ปัจจุบันผู้ที่ถือลงทุนในบิทคอยน์มากที่สุดก็คือ Grayscale Bitcoin Trust ซึ่งลงทุนตรงในบิทคอยน์แต่ยังมีอุปสรรคในการเปิดบัญชีตลอดจนสถาพคล่องในการซื้อขาย กล่าวคือโครงสร้างยังไม่เข้าสู่ Mass Adoption มากพอ แต่กองทุน ETF จะช่วยให้ผู้ลงทุนที่มีเงินน้อยก็สามารถเข้าถึงบิทคอยน์ได้

นักลงทุนสถาบันตลอดจนเครื่องมืออย่าง ETF จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นหนึ่งใน New Asset Class ที่คนทั้งโลกให้การยอมรับและความคาดหวังของนักลงทุนน่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ผลักดันให้ราคาบิทคอยน์ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดใหม่ได้ในที่สุด

นเรศ เหล่าพรรณราย ซีอีโอ Ricco Wealth,เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย




กำลังโหลดความคิดเห็น