แสนสิริโชว์เผย 9 เดือนยอดขาย 25,500 ล้านบาท ยอดโอน 23,700 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ปี 64 หลังไตรมาส 3 ยอดขายทะลัก 7,900 ล้านบาท เติบโต 139% ไตรมาส 4 เดินหน้าเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น มองอสังหาฯ บวก เตรียมแผนขยายธุรกิจ ประกาศรับซื้อที่ดิน 10 ทำเลรอบกรุงเทพฯ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริมีผลงานที่แข็งแกร่งในรอบ 9 เดือน โดยสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,500 ล้านบาท คิดเป็น 82% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 17,300 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 8,200 ล้านบาท โดยผลงานในไตรมาสที่ 3 บริษัทมียอดขายสูงถึง 7,900 ล้านบาท โตขึ้น 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 3,300 ล้านบาท
สำหรับความสำเร็จของยอดขายในรอบ 9 เดือน มาจากการปิดการขายโครงการ 5 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ แสนสิริยังตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ไทยในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี ด้วยความสำเร็จของโครงการ “BuGaan เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์" ระดับราคา 35.9-80 ล้านบาท ที่จ่อคิวปิดการขาย รวมทั้งการเป็น “ผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน” ด้วยยอดขายจากแบรนด์เศรษฐสิริ และบุราสิริ ที่มียอดขายที่ดีต่อเนื่อง เช่น เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 เศรษฐสิริ พระราม 5 และเศรษฐสิริจรัญฯ-ปิ่นเกล้า 2 เป็นต้น
ขณะที่ทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส ซีรีส์ใหม่ “Dream Destination” ที่รุกเปิดตัวในปีนี้ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีในทั้ง 2 โครงการ ทั้งสิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ ที่พัฒนาจากแรงบันดาลใจการออกแบบจากมหานครนิวยอร์ก และสิริ เพลส วงแหวน-ลำลูกกา แรงบันดาลใจการออกแบบจากเสน่ห์แห่งเมืองเกียวโต พร้อมเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮม สิริ เพลส โครงการใหม่มนซีรีส์ “Dream Destination” อีกหลายทำเลต่อยอดความสำเร็จในเร็วๆ นี้
“ความสำเร็จของยอดขายคอนโดมิเนียมในช่วง 9 เดือน ที่ประสบความสำเร็จครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เช่น คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค, โอกะ เฮาส์ และเดอะ เบส สะพานใหม่ เป็นต้น โดยบริษัทยังได้ปิดการขายโครงการ ดีคอนโด ธาร จรัญฯ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมไฮไลต์ด้วยความร้อนแรงของซีรีส์คอนโดมิเนียมแบรนด์ THE MUVE (เดอะ มูฟ) แบรนด์คอนโดน้องใหม่จากแสนสิริ หนึ่งในโปรดักต์ไฮไลต์ในปีนี้ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริ ในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่มและรองรับเซกเมนต์ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย สร้างความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากกลุ่มลูกค้าไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ “เดอะ มูฟ เกษตร” ตามมาด้วย “เดอะ มูฟ ราม 22” ที่ Sold Out! รวดทุกยูนิตที่เปิดขายในทั้ง 2 โครงการ สะท้อนความเป็นเบอร์หนึ่งเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมของแสนสิริอย่างแท้จริง และมีแนวโน้มจะส่งต่อความสำเร็จไปยังเดอะ มูฟ บางนา/เดอะ มูฟ บางแค และเดอะ มูฟ ประดิพัทธิ์ อีก 3 คอนโดน้องใหม่ซีรีส์ฮอตแห่งปี ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป”
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในรอบ 9 เดือน โดยมียอดโอนโครงการรวมทั้งแนวราบและแนวสูงถึง 23,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 52 : 48 โดยไตรมาสสุดท้ายบริษัทยังมียอดโอนต่อเนื่องจากคอนโดมิเนียมเอดจ์ เซ็นทรัล-พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา และดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต รองรับการรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตามเป้าหมายรายได้จากการขายที่วางไว้ 27,600 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริมี Secured Revenue หรือรายได้ในมือที่รองรับแล้วถึง 24,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% จึงคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้
“แสนสิริยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4 อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ “DEMI สาธุ 49” ดีลักซ์ ทาวน์โฮมจากแสนสิริ ราคา 17.9-35 ล้านบาท โครงการฮาบิเทีย ไพร์ม ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวในสังคมส่วนตัวเพียง 10 ยูนิต ราคา 7-9 ล้านบาท เปิดชมครั้งแรก 30-31 ตุลาคมนี้ และโครงการอณาสิริ รังสิต บ้านสไตล์ญี่ปุ่น เริ่ม 4.59-7 ล้านบาท เปิดชมครั้งแรกธันวาคมนี้”
นายอุทัย กล่าวว่า นอกจากนี้เพื่อต่อยอดความสำเร็จของการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน จากยอดขายที่ดีของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ และบุราสิริแสนสิริยังได้เตรียมเปิดขายบ้านดีไซน์ใหม่ใน 3 โครงการได้แก่ โครงการบุราสิริ พหล-วัชรพล บ้านบรรยากาศรีสอร์ต พร้อม Courtyardในราคา 13.99-22 ล้านบาท เศรษฐสิริจรัญฯ-ปิ่นเกล้า 2 บ้านดีไซน์ใหม่ พร้อม Double Volume ในราคา 12-25 ล้านบาท และเศรษฐสิริ พหล-วัชรพล บ้านวิวสวน พร้อม Double Volume ในราคาเริ่ม 18.99 ล้านบาท ในวันที่ 16-17 ตุลาคมนี้อีกด้วย
ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสสุดท้ายแสนสิริเตรียมเปิดตัว 4 โครงการอนโดมิเนียม
ราคาเข้าถึงง่าย มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ “เดอะมูฟ ประดิพัทธิ์” ทำเลคอมมูนิตี ใจกลางเมืองเพียง 500 เมตร จาก BTS สะพานควาย เริ่ม 2.19 ล้านบาท เตรียมเปิดให้จองสิทธิมาก่อนได้ก่อนเร็วๆ นี้ และ “เดอะ มูฟบางแค” ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีบางแคเพียง 190 เมตรเริ่ม 1.39 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลล์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัว “ดีคอนโด พนา” คอนโดใหม่ ใกล้ MRT บางขุนนนท์ ส่วนกลางครบพร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เริ่ม 1.59-3.99 ล้านบาท เปิดจองวันที่ 6-7 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเตรียมเปิดตัวแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ “condo me” คอนโด มี นวนคร มีคอนโดง่ายๆ เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมอยู่ ราคาต่ำล้าน เริ่ม 999,999 บาท เปิดจองวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ตอบรับความต้องการกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นและตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม” นายอุทัย กล่าว
“แสนสิริ ยังมองเห็นโอกาสที่ดีหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายซึ่งหากรัฐสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้เร็วจะส่งผลที่ดีต่อตลาดอสังหาฯ ตามไปด้วย ทั้งนี้ แสนสิริมองแง่บวกถึงทิศทางในปี 2565 หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ที่ต้องปรับตัวให้เร็วรองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด เพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร โดยบริษัทได้เตรียมแผนขยายธุรกิจประกาศรับซื้อที่ดินจำนวนมาก 10 ทำเลรอบกรุงเทพฯ ปริมณฑล โดยมีทำเลไฮไลต์ที่ต้องการได้แก่ 1.ทำเลสายไหม-วัชรพล-สุขาภิบาล 5 2.ทำเลรามอินทรา-เกษตร-นวมินทร์-ประดิษฐ์มนูธรรม 3.ทำเลพระราม 9-กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง-มีนบุรี 4.ทำเลบางนา-อ่อนนุช-ศรีนครินทร์-กิ่งแก้ว-ลาดกระบัง 5.ทำเลพระราม 3-พระราม 2-สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 6.ทำเลราชพฤกษ์-พระราม 5-รัตนาธิเบศร์ 7.ทำเลเพชรเกษม-พุทธมณฑล-ศาลายา 8.ทำเลราชเทวี-ปทุมวัน-พระราม 4-สุขุมวิท-สาทร 9.ทำเลจตุจักร-รัชดา-ลาดพร้าว และ 10.ทำเลธนบุรี-คลองสาน-บางรัก-เจริญกรุง-เจริญนคร”