พีดีเฮ้าส์แจงรับสร้างบ้านอีก 3 เดือนยังชะลอตัวต่อเนื่อง เหตุผู้บริโภครอความชัดเจนรัฐบาลบริหารจัดการโควิด-19 ฉุดกำลังซื้อไตรมาส 3 หาย หันขยายรับงานอินทีเรีย-แลนด์สเคป บริการครบวงจร หนีชนศึกคู่แข่งที่กระหน่ำแจก แถม ลดราคาสูงสุด 33% ชี้ไตรมาสสุดท้ายรับสร้างบ้านส่อแววซึมต่อ ทั้งโรคระบาดและภัยธรรมชาติ เร่งปรับกลยุทธ์การตลาด-การขาย เน้นให้คำปรึกษา เชื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ราชบุรี ตั้งเป้าเจาะกำลังซื้อพื้นที่เมืองรองรับการขยายตัวความต้องการสร้างบ้าน ตจว.
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ประเมินความต้องการสร้างบ้านใหม่ของประชาชนทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 3 ชะลอตัวลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา คาดเป็นผลมาจากการประกาศล็อกดาวน์ของรัฐบาล และความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต กอปรกับความเชื่อของผู้บริโภคบางส่วนในต่างจังหวัด ที่ไม่นิยมปลูกสร้างบ้านในช่วงเข้าพรรษาหรือฤดูฝน ยิ่งส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านซบเซาลง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนได้จากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ที่แข่งขันกันสูงมาก ต่างกระหน่ำโปรโมชันลด แจก แถมกันดุเดือด ตัวอย่างเช่น ลดราคาสูงสุด 15-33% หรือต่อเติมฟรีมูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาท
“จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผู้บริโภคที่เคยวางแผนจะสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังส่วนใหญ่เลือกที่ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไปก่อน ด้วยเหตุผลรอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐในการบริหารจัดการโรคระบาดโควิด-19 และมีความกังวลว่าเศรษฐกิจประเทศจะฟื้นตัวได้ช้า อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นที่ต้องมีบ้านหลังใหม่เพื่อใช้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงาน (Work from home) หรือเป็นเซฟโซนในการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่พฤติกรรมของผู้คนในสังคมเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากพอ ความต้องการสร้างบ้านหลังที่ 2 ในต่างจังหวัดจึงเกิดขึ้นและขยายตัวขึ้นตามลำดับในช่วงปีนี้และในอนาคต”
นายพิศาล เปิดเผยว่า พีดีเฮ้าส์เองไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว สังเกตได้จากจำนวนผู้บริโภคที่สนใจสร้างบ้านติดต่อเข้ามาลดลงถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน ดังนั้น จึงต้องหันมาปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด โดยมุ่งเน้นสื่อสารถึงความแตกต่างและมาตรฐานด้านการให้บริการก่อน-หลังการขาย กระบวนการก่อสร้าง คุณภาพผลงานเมื่อสร้างแล้วเสร็จ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ภายใต้แบรนด์พีดีเฮ้าส์ ที่มีสาขาให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ ยังเพิ่มการให้บริการออกแบบ-ตกแต่งภายในและจัดสวนแบบครบวงจร ซึ่งจากการปรับกลยุทธ์แข่งขันดังกล่าว ส่งผลให้สามารถทำยอดขายบ้านในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 210 ล้านบาทเศษ เติบโตสวนทางกับตลาดที่ซบเซาและทำให้ยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมทุกสาขาเกือบ 800 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้านจำแนกออกเป็นกลุ่มราคาบ้าน 2-3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% กลุ่มราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38% กลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% และกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็น 8%
ด้าน น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิและมาตรฐานธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้าน 9 เดือนแรกที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งการปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้า ที่เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์และบริการ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย-ข้อแตกต่าง พร้อมให้คำปรึกษาในรายละเอียดการก่อสร้างที่คนอยากสร้างบ้านต้องรู้ เพื่อให้ลูกค้าคลายความกังวลใจและป้องกันการเกิดข้อขัดแย้งหรือความเข้าใจผิดในอนาคต โดยไม่เลือกใช้วิธีตั้งราคาสูงแล้วหั่นราคา หรือลดราคาเกินจริง หรือกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจด้วยราคา ไม่ใช่ที่ตัวผลิตภัณฑ์และบริการอย่างแท้จริง
สำหรับ ไตรมาสสุดท้ายยอมรับว่า คาดการณ์ตลาดรับสร้างบ้านได้ยาก เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบอยู่รอบด้าน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง และการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ภาครัฐจะพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนแต่ยังไม่ครอบคลุมมากพอทำให้ผู้บริโภคยังมีความกังวล รวมถึงปัญหาน้ำท่วมขังจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เตี้ยนหมู่" ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ภาคอีสาน ส่งผลกระทบจนทำให้ได้รับความเสียหาย เช่น น้ำท่วมบริเวณโดยรอบหรือใกล้เคียงไซต์งานก่อสร้าง ต้นทุนค่าขนส่ง หรือการขนส่งวัสดุที่ล่าช้าออกไป และคาดการณ์จะทำให้สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พีดีเฮ้าส์เองคงต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ตามแผนปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ พร้อมกันนี้เตรียมเปิดสาขาใหม่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นการขยายสาขาในพื้นที่เมืองรอง เพื่อสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด รองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้เตรียมเปิดตัวแบบบ้านใหม่อีก 1 ซีรีส์ จำนวน 4 แบบ ระดับราคา 5-8 ล้านบาท พร้อมรายการวัสดุ-อุปกรณ์ก่อสร้างภายใต้คอนเซ็ปต์บ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีความแตกต่างจากบริษัทรับสร้างบ้านรายอื่น สามารถสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมทางออนไลน์ได้ที่ Line@pdhouse หรือคลิก www.pd.co.th หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ใกล้บ้านคุณ