หุ้นเช้าปิดบวก 1.68 จุด ตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบ และค่าเงินเริ่มนิ่ง นักลงทุนรอผลประชุมเฟดคืนนี้ จับตาลด QE-ทิศทางขึ้นดอกเบี้ย หากเร็วกว่าคาดอาจกดดันตลาดเป็นจังหวะปรับฐาน ขณะเดียวกันติดตามปัญหาไชน่า เอเวอร์แกรนด์ มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูง แนวโน้มตลาดช่วงบ่ายคาดยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยให้แนวรับ 1,605 จุด แนวต้าน 1,620 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แก่งตัวในกรอบแคบ นักลงทุนเฝ้ารอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ ขณะที่ค่าเงินเริ่มนิ่ง เงินดอลลาร์สหรัฐไม่ได้แข็งค่ามาก และเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าลงมากเข่นกัน ซึ่งคงรอผลประชุมเฟดเช่นกัน โดยเฉพาะการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) จะมีไทม์ไลน์การปรับลดชัดเจนอย่างไร และจะลดวงเงินจากที่มี 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐอย่างไร โดยตลาดคาดเฟดจะปรับลด 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ซึ่งจะใช้เวลา 8 เดือน และจะเริ่มลดในช่วงไหน
ส่วนอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะคงระดับต่ำต่อไป แต่จะมีมุมมองแนวโน้มการปรับขึ้นเมื่อใด โดยตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังลด QE แล้ว คาดว่าในปี 65 อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวระดับต่ำ และจะปรับขึ้นในปี 66 จำนวน 2 ครั้งๆ ละ 0.25% แต่รอบนี้อาจจะจับสัญญาณจากประธานเฟดแต่ละสาขามีความเห็นว่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะกดดันตลาดหากดอกเบี้ยออกมา surprise อาจมีจังหวะตลาดปรับฐาน
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัญหาหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ที่มองว่าน่าจะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูง ซึ่งต้องจับตาดูว่าทางการจีนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ทั้งนี้ จากปัจจัยข้างต้นเป็นตัวกดดันตลาดโดยรวมในระยะสั้น
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,616.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.10% มูลค่าการซื้อขายราว 41,153 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มตลาดในช่วงบ่าย คาดว่าตลาดยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างรอผลประชุมเฟด โดยให้แนวรับที่ 1,605 จุด แนวต้านที่ 1,620 จุด