บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ตอกย้ำกลยุทธ์รับมือโควิด-19 เน้นเพิ่มจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนอีก 20 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ พร้อมขยายช่องทางการขาย (Export) และรุกขยายกลุ่มลูกค้าที่มี Margin สูง รวมถึงจับมือพันธมิตรลุยโซลาร์รูฟท็อป ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้ได้เห็น 10 เมกะวัตต์ ด้าน “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” มั่นใจช่วยผลักดันผลงานในครึ่งปีหลังสดใส พร้อมเดินหน้าพัฒนาธุรกิจไม่ยั้ง หวังทำผลงานเติบโตอย่างยั่งยืน
น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่า จะยังคงเติบโตในทิศทางบวกต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกตามความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้หลักที่มีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 60% ของยอดขายรวมของบริษัทฯ ขณะเดียวกัน ยังได้เพิ่มจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนอีก 20 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ จากปัจจุบันมีจุดกระจายสินค้ารวมทั้งสิ้นกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เพื่อขยายฐานกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น รวมถึงเน้นขยายช่องทางการขาย (Export) และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าที่มี Margin สูง
นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนกับพันธมิตรในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) กำลังการผลิต 4 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2564 และรับรู้รายได้เข้ามาทันที โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ากำลังผลิตในปี 2564 ไว้ที่ 10 เมกะวัตต์ และมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ควบคู่กับการลดต้นทุนต่างๆ ที่ไม่จำเป็นลงเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ล่าสุด ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดในการซื้อกิจการโรงงานซ่อมถัง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ประหยัดต้นทุนและควบคุมคุณภาพได้ โดยบริษัทฯ คงเป้ายอดขาย LPG ปีนี้ไว้ที่ 6.8-7 แสนตัน
ปัจจุบัน แบรนด์ เวิลด์แก๊ส ของ WP มีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) อยู่อันดับ 2 หรือคิดเป็น 18% ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยมีจำนวนถังก๊าซที่อยู่ในตลาด ดังนี้ คือ ขนาด 4 กิโลกรัม จำนวน 2.1 ล้านถัง ขนาด 8 กิโลกรัม จำนวน 2 หมื่นถัง ขนาด 13.5 กิโลกรัม จำนวน 5.8 แสนถัง ขนาด 15 กิโลกรัม จำนวน 3.4 ล้านถัง และขนาด 48 กิโลกรัม 3.6 แสนถัง
“กลุ่มบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจากการปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพและศักยภาพภายในองค์กร เพิ่มจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือน ขยายช่องทางการขาย (Export) รวมทั้งจับมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ LPG เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น และลุยโซลาร์ รูฟท็อป จะทำให้ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตต่อไปได้ และสร้างกำไรอย่างยั่งยืน แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม” น.ส.ชมกมล กล่าวในที่สุด