นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่าจากมาตรการคุมเข้มการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณการเติมน้ำมันในไตรมาส 3/64 อย่างมีนัยสำคัญ เบื้องต้นคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา ลดลงราว 10% ขณะที่ธุรกิจ Non-oil เติบโตไม่ถึง 10%
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลต่อปริมาณการเติมน้ำมันในเดือน ก.ย.นี้ จะดีกว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และคาดหวังว่าในไตรมาส 4/64 จะฟื้นตัวดีขึ้น เป็นไปตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนของภาครัฐ หากฉีดวัคซีนได้มากขึ้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว และสนับสนุนให้ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการมากขึ้นเรื่อยๆ
"การเติบโตของบริษัทจะเป็นไปตามการเติบโตของประเทศ โดยยอมรับว่าไตรมาส 3/64 มีการออกมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มข้นอย่างมาก ทำให้มีผลต่อปริมาณการเติมน้ำมันในระดับหนึ่ง" นายพิจินต์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทได้มีการทบทวนเป้าหมายเล็กน้อย โดยในธุรกิจน้ำมัน วางแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันในประเทศจำนวน 110 สาขา แต่คาดว่าจะเปิดได้ 95 สาขา ธุรกิจศูนย์ซ่อมรถยนต์ FIT Auto ยังคงแผนที่ 10 สาขา ส่วน EV Station ที่ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ปตท.ปีนี้คาดว่าจะมีการติดตั้ง EV Charging stations ได้ 100 สาขา ยังเป็นไปตามแผน และปี 65 วางเป้าขยายให้ครบ 300 สาขา ขณะที่ยังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเข้ามาส่งเสริมการขาย และกระตุ้นยอดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วย
ด้านธุรกิจ Non-Oil แบ่งเป็นร้านคาเฟ่ อเมซอนยังคงแผนเปิดสาขาใหม่ 420 สาขา แม้จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกับร้าน Texas chicken ที่จะเปิดทั้งสิ้น 20 สาขา
ส่วนธุรกิจต่างประเทศ (International) ที่ปัจจุบันมีการดำเนินการอยู่ใน 10 ประเทศ ประกอบด้วย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาว มีแผนขยายปั๊มน้ำมัน 52 สาขาในปีนี้ ได้ปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 45 สาขา รวมถึงสาขาร้านคาเฟ่ อเมซอน คาดว่าจะเปิดได้ 56 สาขา ปรับลดลงมาที่ 51 สาขา เนื่องจากผลกระทบของโควิด
นายพิจินต์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจ Non-oil หลายราย โดยเฉพาะ Food คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้เร็วๆ นี้
