หุ้นปิดเช้าลบ 0.28 จุด รับแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยช่วงเปิดตลาดดัชนีฟื้นตามตลาดเอเชียหลัง ECB จะปรับลด QE บางส่วน ถือว่ากระทบไม่มาก ผลักดันยูโรแข็งค่า-ดอลลาร์อ่อนหนุนลงทุนฝั่งเอเชีย แต่ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นอาจไม่เคลื่อนไหวมากระหว่างรอประชุมเฟดชี้ทิศทางชัดเจน แต่ยังมีบรรยากาศเก็งกำไรรายตัวในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ส่วน Fund Flow คาดชะลอตัวและไร้ปัจจัยใหม่ ช่วงบ่ายคาดตลาดแกว่งในกรอบ 1,625-1,635 จุด บวก/ลบไม่เกิน 5 จุด
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องหุ้นในเอเชียฟื้นตัว หลังการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินป้องกันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Pandemic Emergency Purchase Programme : PEPP) ในไตรมาส 4/64 เป็นไปตามความคาดหมาย ดังนั้น ผลกระทบน้อยมาก และการปรับลดวงเงิน QE เป็นการยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ จากผลประชุมของ ECB ทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในฝั่งเอเชีย แต่ Fund Flow ชะลอตัวในตลาดหุ้นไทยวันนี้ และตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่หนุนระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปลายเดืนอ ก.ย.นี้ ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ถูกขายออกทำกำไรก่อน
ภาพระยะสั้น ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียยังไม่มีปัจจัยลบชัดเจนระหว่างรอการประชุมเฟด ภาพจากนี้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจไม่เคลื่อนไหวมากนัก หรืออาจขึ้นลงไม่ชัดเจน แต่มีบรรยากาศเก็งกำไรรายตัวทั้งหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่เคลื่อนไหวตามทิศทางการประชุมเฟดที่อาจปรับลด QE
ในเชิงกลยุทธ์ แนะเก็งกำไรโฟกัสรายตัว และให้น้ำหนักการเคลื่อนไหวดัชนีน้อยมากหรือแทบไม่มีผล โดยภาพตลาดจากนี้จนถึงการประชุมเฟด ดัชนีอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,650 จุด หากไม่หลุดกรอบเป็นภาพบวกต่อการเก็งกำไร หรือหาก SET ซึมลง แต่ไม่หลุดต่ำกว่า 1,615 จุด ไม่ได้มีผลต่อ SET อย่างไรก็ตาม การลงทุนยากขึ้น การเก็งกำไรจะเห็นหลากหลาย ไม่มีธีมการลงทุนชัดเจน
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,628.84 จุด ลดลง 0.28 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.02% มูลค่าการซื้อขายราว 50,744 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ให้กรอบ 1,625-1,635 จุด บวกลบ 5 จุด