หุ้นไทยปิดลบ 11.33 จุด ตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ ปรับฐานตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรปจากกังวลโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาระบาดระลอกใหม่ และรอผลการประชุม ECB คืนนี้ และประชุมเฟดวันที่ 21-22 ก.ย.หากส่งสัญญาณลด QE อาจทำให้ตลาดอ่อนตัวลงระยะสั้น แนวโน้มพรุ่งนี้หากไม่หลุด 1,630 จุด มีโอกาสรีบาวนด์ และเชื่อ Fund Flow ยังอยู่ในเอเชีย ให้แนวรับ 1,630 จุด แนวต้านที่ 1,650 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ขาดปัจจัยหนุนใหม่ทำให้เกิดแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ แม้ว่าจะมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงก์หนุนระดับหนึ่ง รวมทั้งคาดว่านักลงทุนต่างประเทศยังเข้าซื้อสุทธิ และเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย
ตลาดหุ้นไทยปรับฐานตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป โดยได้รับปัจจัยลบจากความกังวลการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาระลอกใหม่ ทำให้กังวลว่าอาจจะมีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหุ้นไทยลงไปกว่า 10 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบ และดัชนีดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์ก็ลบ
นอกจากนั้น ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คืนนี้จะส่งสัญญาณอย่างไรต่อการทำ QE และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐษ (เฟด) วันที่ 21-22 ก.ย. หากปรับลดวงเงิน QE จะเห็นทิศทางตลาดชัดเจน โดยอาจอ่อนตัวระยะสั้น
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,629.12 จุด ลดลง 11.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.69% มูลค่าการซื้อขาย 91,098.61 ล้านบาท
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ ตลาดยังคงอยู่ลักษณะนี้ แต่หากไม่หลุด 1,630 จุดมีโอกาสรีบาวนด์ได้ เพราะยังมีความกังวล ECB จะเพิ่มความเข้มงวดนโยบายการเงิน แต่ภาพรวม Sentiment ตลาดยังดี และ Fund Flow ยังอยู่ในเอเชีย โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 7 พันล้านบาท จำนวนนี้เป็น Big lot หุ้น LHFG กว่า 4 พันล้านบาท คาดว่าวันนี้ต่างชาติก็ยังมีแรงซื้อ พร้อมให้แนวรับที่ 1,630 จุด แนวต้านที่ 1,650 จุด