ธนาคารทิสโก้ แจ้งลูกค้าเช่าซื้อ-จำนำทะเบียนรถยนต์ หากผ่อนไม่ไหวเร่งตัดสินใจ ก่อนโครงการพิเศษ “คืนรถจบหนี้” จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ย้ำ “ยกหนี้ให้จริง” ตามเงื่อนไขที่กำหนด และระบุสถานะเป็นลูกค้า “ปิดบัญชี” ทำให้ลูกค้าไม่เสียประวัติทางการเงิน พร้อมเผยมีลูกค้าสนใจเข้าร่วมโครงการแล้วราว 2,400 ราย
นายเดชพินันท์ สุทัศนทรวง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ปฏิบัติการสินเชื่อรายย่อย ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO) เปิดเผยถึงความคืบหน้า ภายหลังจากที่ธนาคารได้จัดตั้งโครงการพิเศษ “คืนรถจบหนี้” เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเช่าซื้อและลูกค้าจำนำทะเบียนรถยนต์ของทิสโก้ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อไปได้ให้มีทางเลือกในการคืนรถ ว่า ผลโดยรวมของโครงการถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 มีลูกค้าสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 2,400 ราย
“หลังจากที่ธนาคารได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์โครงการพิเศษ “คืนรถจบหนี้” ไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2564 มีลูกค้าสนใจทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการช่วยเหลือ และที่ผ่านมา มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่สามารถปิดบัญชีไปได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เคยเข้าร่วมมาตรการผ่อนผันและพักชำระหนี้มาแล้ว แต่เมื่อจบโปรแกรมยังไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ จึงกังวลใจต่อหนี้ที่ผ่อนไม่หมดและไม่อยากมีภาระอีกต่อไป และต้องการรักษาประวัติทางการเงินที่ดีไว้จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อในอนาคตจะยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้” นายเดชพินันท์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนก่อนที่โครงการจะสิ้นสุดลง ยังมีกลุ่มลูกค้าบางส่วนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจนผ่อนชำระค่างวดไม่ไหว แต่ยังคงลังเลและกังวลใจอยู่ ธนาคารจึงขอเชิญชวนให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาดำเนินการลงทะเบียนจองสิทธิไว้ ก่อนที่โครงการจะถึงกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าโครงการนี้ธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยการ “ยกหนี้ให้จริง” ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด และขอย้ำว่า ธนาคารจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม ไม่คิดค่าธรรมเนียม พร้อมระบุสถานะเป็นลูกค้า “ปิดบัญชี” นั่นหมายความว่า ลูกค้าจะไม่เสียประวัติทางการเงิน และไม่มีหนี้หลังจากคืนรถ ทำให้ในอนาคตหากลูกค้ามีความจำเป็นทางการเงินก็มีโอกาสกลับมาขอสินเชื่อใหม่ได้อีก นั่นคือวัตถุประสงค์ของโครงการที่ตั้งใจเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถือว่าเป็นผลดีกับลูกค้ามากกว่าการปล่อยให้รถถูกยึด