xs
xsm
sm
md
lg

วิจัยกรุงศรีชี้เศรษฐกิจเสี่ยงหดตัวในไตรมาส 3 ผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดระลอก 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ของปีนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะกลับมาติดลบจากไตรมาสก่อน ซึ่งจะนับเป็นการติดลบครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว จากการระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 จากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ กระจายรวดเร็วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมและลากยาวกว่าคาด ทำให้ต้นเดือนสิงหาคมทางการประกาศขยายมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดเพิ่มเป็น 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม

ทั้งนี้ จากการประเมินผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 หากไม่มีมาตรการรัฐเพิ่มเติม คาดว่าธุรกิจราว 27.6% ของจำนวนธุรกิจทั้งหมดจะประสบปัญหาสภาพคล่อง จนนำไปสู่ความเสี่ยงของการเลิกกิจการ ทำให้แรงงาน 9.3 ล้านคนมีความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างหรือลดเงินเดือน ล่าสุด แม้ทางการจะได้เริ่มปรับมาตรการควบคุมการระบาดในบางกิจการ/กิจกรรมกลับมาดำเนินการได้บ้างภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา แต่โดยภาพรวมแล้วยังต้องอยู่ภายใต้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอยู่ จึงคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคธุรกิจและการจ้างงานยังคงซบเซา แม้อาจเห็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่เหลือของปีก็ตาม

ด้าน ธปท.ปรับมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ สะท้อนการมุ่งเน้นใช้นโยบายการเงินที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทยชี้แจงมาตรการสนับสนุนการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ลูกหนี้ได้มากขึ้นในสถานการณ์ที่การระบาดยังคงยืดเยื้อ โดยมาตรการเพิ่มเติมประกอบด้วย

- มาตรการรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เช่น การปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น รวมถึงการผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อรายย่อยเป็นการชั่วคราว ในส่วนของบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล

- มาตรการแก้ไขหนี้เดิมอย่างยั่งยืน โดยผ่อนคลายหลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองเพื่อสนับสนุนให้สถาบันการเงินมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวที่เหมาะสมแก่ลูกหนี้แต่ละราย เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด เป็นผลให้เศรษฐกิจซบเซาลงมาก กระทบต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนไทยในวงกว้าง ซึ่งจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พบว่า ธุรกิจใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม มีทั้งหมด 615,813 ราย (คิดเป็น 76.6% ของจำนวนธุรกิจทั้งหมด) และสร้างรายได้ประมาณ 93% ของรายได้รวมทั้งประเทศ ส่วนด้านแรงงานใน 29 จังหวัดนั้น มีประมาณ 18 ล้านคน โดยเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง 8.8 ล้านคน (24% ของแรงงานทั้งหมด) ซึ่งมาตรการทางการเงินที่เพิ่มเติมดังกล่าวคาดว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้โดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง นอกจากนี้ ยังสะท้อนการดำเนินนโยบายการเงินของทางการที่เน้นการแก้ปัญหาที่เฉพาะเจาะจงสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น