"เอเชีย กรีน เอนเนอจี" ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีอ้างอิงระดับสากล FTSE SET Index กลุ่ม Micro Cap จากการคัดเลือกโดยองค์กรระดับโลก ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านผู้บริหารเดินเกมรุกลุยธุรกิจโลจิสติกส์ทุกมิติแบบเต็มสูบ หวังปั้นรายได้โลจิสติกส์เข้ากระเป๋า 1,000 ล้านบาทได้แน่นอน พร้อมส่งซิกรายได้รวมทั้งปีนี้แตะ 11,000 ล้านบาท
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร (ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า) เปิดเผยถึงการได้รับการคัดเลือกจาก FTSE SET Index คำนวณในกลุ่ม Micro Cap ซึ่งเป็นดัชนีหลักทรัพย์ระดับนานาชาติ สำหรับครึ่งปีหลัง 2564 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ของบริษัทฯ ว่า การได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงศักยภาพความน่าดึงดูดให้หุ้น AGE และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจาก FTSE Rebalance เป็นหน่วยงานที่ได้รับความน่าเชื่อถือระดับโลก
สำหรับเกณฑ์ที่ FTSE Rebalance นำมาใช้ในการคำนวณ และคัดเลือกหลักทรัพย์ที่จะถูกคำนวณรวมในดัชนี FTSE SET นั้นจะต้องผ่านเกณฑ์สภาพคล่องของจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายรายวันในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 0.05% ของจำนวนหุ้นที่ซื้อขายได้ในระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 เดือน จาก 12 เดือน ก่อนวันที่พิจารณาทบทวนรายชื่อดัชนีในแต่ละรอบ โดยต้องผ่านเกณฑ์การกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 15% ขึ้นไป ซึ่งจากเกณฑ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า AGE เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง และเป็นที่สนใจทั้งกลุ่มนักลงทุนรายย่อย สถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลต่อยอดภายหลังที่บริษัทฯ ได้มีการย้ายการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงที่ผ่านมา
“บริษัทฯ รู้สึกยินดีที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับใช้ในการ ประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าลงทุนในหุ้นของ AGE ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 5,807.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิที่ 121.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 136.4% รวมทั้ง AGE มีการจ่ายปันผลตามนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ”
นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหาร AGE ยังประกาศเดินหน้าปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมุ่งเน้นธุรกิจโลจิสติกส์ ภายหลังการเข้าไปบริหารจัดการท่าเรือเพิ่มอีก 3 ท่า ส่งผลให้มีท่าเรือที่รองรับการให้บริการขนส่งทางน้ำรวมทั้งหมด 6 ท่า บริเวณอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะช่วยหนุนให้ AGE สามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี
ขณะเดียวกัน ยังลงทุนขยายกองรถบรรทุกเป็นกว่า 100 คัน ในปี 2564 จากที่ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ 68 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้าเป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีกองเรืออยู่ 36 ลำ ปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000 ตัน เพื่อรองรับปริมาณการขนส่ง ซึ่งจากแผนธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลให้ธุรกิจด้านโลจิสติกส์จะสามารถให้บริการที่ครบทุกมิติแบบครบวงจร
บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ไว้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะมาจากธุรกิจถ่านหิน 90% จากการตั้งเป้ายอดขายที่ 5.5 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 4.5 ล้านตัน และต่างประเทศ 1 ล้านตัน และรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ฯ 10% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท