xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรี ฟินโนเวตเปิดกองทุน “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” ต่อยอดลงทุนในสตาร์ทอัป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงศรี ฟินโนเวต ผู้ให้การสนับสนุนและลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมและสตาร์ทอัปทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) เดินหน้ากลยุทธ์ 3.0 เปิดกองทุนสตาร์ทอัปครั้งแรกในไทย “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” (Finnoventure Fund I) โอกาสการลงทุน เข้าถึงข้อมูลทางธุรกิจ และการร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจสตาร์ทอัปที่เติบโตโดดเด่นในอาเซียน พร้อมเป็นที่ปรึกษานักลงทุนจับมือเดินหน้ารับการเติบโตไปด้วยกัน คาดเปิดขายให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนกลุ่ม Ultra High Net Worth ได้เดือนพ.ย.นี้

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด
กล่าวว่า กองทุนเพื่อลงทุนในสตาร์ทอัป “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” จะเปิดโอกาสให้นักลงทุน และองค์กรที่สนใจลงทุนในสตาร์ทอัปแต่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัปได้เข้าลงทุน โดยมีกรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการลงทุนในสตาร์ทอัปเป็นผู้ดูแล นอกจากนั้น นักลงทุนสถาบันที่ลงทุนในกองทุนนี้ยังมีโอกาสจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจของสตาร์ทอัปที่อยู่ภายใต้กองทุนนี้ เพื่อที่จะต่อยอดการทำธุรกิจนำเสนอสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมร่วมกัน

ทั้งนี้ “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” เป็นกองทุนขนาด 3,000 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 4 ปี มุ่งเข้าลงทุนในสตาร์ทอัปทั้งไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระดับซีรีส์ A ขึ้นไป เน้นลงทุนในกลุ่มฟินเทค อีคอมเมิร์ซ ออโตโมทีฟ (ยานยนต์) และกลุ่มสตาร์ทอัปที่อาจฟื้นตัวเร็วหรือได้รับโอกาสทางธุรกิจในช่วงโควิด-19 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว เป็นต้น หรือที่เรียกว่า Post-Pandemic Boom Startup โดยจะเปิดขายให้นักลงทุนสถาบัน และขายให้นักลงทุนกลุ่มบุคคลที่มีความมั่งคั่งพิเศษ (Ultra High Net Worth) ผ่านกองทุนของ บลจ.กรุงศรีอยุธยาได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะเริ่มลงทุนในสตาร์ทอัปรายแรกได้ในเดือนถัดไป

"ในเบื้องต้นคาดว่าจะแบ่งสัดส่วนการขายกองทุนให้กับกลุ่ม Ultra High Net Worth ในวงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำที่ 1 ล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนนั้นเราไม่สามารถการันตีได้ แต่ผลงานของกรุงศรี ฟินโนเวตที่ผ่านมานั้น เท่าที่ได้ลงทุนในเทคสตาร์ทอัปที่ผ่านมา มีผลตอบแทนที่ 20.8% ขณะที่ผลตอบแทนของบริษัทเวนเจอร์ต่างๆ จะอยู่ที่ 18% ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้สูงกว่าเดิม โดยขณะนี้เราได้เริ่มคัดเลือกสตาร์ทอัปที่น่าสนใจในการลงทุนไว้แล้วไม่ต่ำกว่า 10 ราย และน่าจะผ่านการคัดกรองได้สัก 5 ราย แบ่งเป็นจะลงทุนในสตาร์ทอัป 3 กลุ่ม ได้แก่ ฟินเทค 40% ออโต้ 30% อีคอมเมิร์ซ 30% เป็นสตาร์ทอัปในไทยสัดส่วน 70% และต่างประเทศ 30% ซึ่งสัดส่วนเปลี่ยนได้ตามความน่าสนใจของสตาร์ทอัปในแต่ละช่วงเวลา"

นายแซม กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์การลงทุนมานานกว่า 4 ปี ในกว่า 15 กิจการสตาร์ทอัป รวมเงินลงทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาทของกรุงศรี ฟินโนเวต ประกอบกับความแข็งแกร่งของกรุงศรีและมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก MUFG ที่มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งจะสามารถสร้างความสำเร็จและการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กองทุน “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” จึงขอเชิญชวนนักลงทุนสถาบัน หรือองค์กรธุรกิจ นักลงทุนรายย่อย ประเภทกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่พิเศษที่สนใจลงทุน ก้าวเข้าไปในโลกของดิจิทัลและเติบโตไปด้วยกันกับเรา โดยกรุงศรี ฟินโนเวต จะเริ่มเดินสายนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (Roadshow) ในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

"ตั้งแต่ปี 2558 สตาร์ทอัปไทยแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยพบการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัปเติบโตกว่า 3 เท่าจากปกติ ประกอบกับในปี 2564 ประเทศไทยมียูนิคอร์นรายแรกอย่าง Flash Express ที่สะท้อนภาพความสำเร็จ และแนวโน้มว่าสตาร์ทอัปหลายธุรกิจของไทย มีศักยภาพที่จะขยายกิจการจากในประเทศไปยังภูมิภาคได้ ขณะเดียวกัน สตาร์ทอัปในภูมิภาคอาเซียนก็เติบโตแบบเท่าทวีคูณ และกำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่หลายราย อีกทั้งปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับสตาร์ทอัปในภูมิภาคนี้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นอุปสรรคของสตาร์ทอัปยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่จะขยายธุรกิจเข้ามาในภูมิภาคนี้ จึงเป็นโอกาสให้สตาร์ทอัปไทยและอาเซียนได้เติบโตอย่างเต็มที่ การมีกองทุนสตาร์ทอัปที่จัดตั้งโดยผู้มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ และเปิดกว้างให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนได้ง่ายขึ้นจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินในการขยายธุรกิจที่มีศักยภาพอยู่แล้วให้ยิ่งขยายตัวเติบโตไปได้เป็นเท่าทวีคูณ"
กำลังโหลดความคิดเห็น