น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังคงมีแนวโน้มปรับตัว Sideway Up จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม Reopening Play ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และล่าสุดทางสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับบริจาควัคซีนให้ประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ และทาง FDA ของสหรัฐฯ จะอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์อย่างเต็มรูปแบบ (full approval) รวมทั้งทางสภาผู้แทนราษฎร ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 กรอบวงเงินที่ 3.1 ล้านล้านบาท จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,550-1,600 จุด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง เช่น ทาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม ส่วนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมจัดงาน "Thailand Focus 2021"
ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองที่พร้อมระอุต่อเนื่องจากคาร์ม็อบทั่วประเทศ และในวันทำการสุดท้ายปลายเดือนนี้ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ด้านปัจจัยต่างประเทศนั้นยังคงเป็นการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ รวมทั้งจีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play เช่นหุ้นกลุ่มโรงแรมแม้คาดผลประกอบการยังขาดทุนในช่วง 3Q64 แนะนำเก็งกำไร MINT, ERW, CENTEL, AWC และ SHR รองลงมากลุ่มขนส่ง ได้แก่ BEM, BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร ได้แก่ AU, M และ ZEN หุ้นกลุ่มบริการ เช่น SPA เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายต่อวัน และการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมองข้ามไปถึงอนาคตที่ประเทศไทยจะกลับมาเปิดเมืองได้อีกครั้ง
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ก่อนปรับตัวขึ้น 6 เหรียญ/ออนซ์ สู่ 1,785 เหรียญ/ออนซ์ หลังสหรัฐฯ ประกาศดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับ 70.2 ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากผลกระทบของการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.250% เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. ซึ่งคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาทองคำและความกังวลในการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในการประชุมเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ 1,750-1,800 เหรียญ/ออนซ์ โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน จากความกังวลการปรับลดวงเงิน QE